Koening & Bauer บริษัทผลิตแท่นพิมพ์ระดับโลก สร้างการทำงานร่วมกันของพนักงานทั่วโลกด้วย Google Workspace

Koenig & Bauer ผู้ผลิตแท่นพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและเป็นผู้บุกเบิกที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมได้นำ Google Workspace มาใช้เพื่อช่วยให้พนักงานทั่วโลกทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ผลลัพธ์ของการใช้ Google Workspace พนักงาน 4,000 กว่าคน ทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ รองรับทุกการแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์แม้อยู่ทางไกล อย่างมีประสิทธิภาพ  ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดผ่าน Google Meet  รวมทีมทั่วโลก บริษัทใหญ่และบริษัทย่อยด้วยอีเมลองค์กรอย่าง Gmail และการเข้าถึงข้อมูลบน Google Drive ช่วยลดต้นทุนในเรื่องของค่าบริการต่าง ๆ และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออื่น จุดเริ่มต้นของการใช้ Google Workspace Koenig & Bauer เป็นบริษัทแรกที่พิมพ์หนังสือพิมพ์ด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ผลิตแท่นพิมพ์ที่สามารถพิมพ์กระดาษได้ทั้ง 2 หน้า ผลิตแท่นพิมพ์ออฟเซ็บแบบสี่สีและเครื่องพิมพ์มัลติคัลเลอร์สำหรับใช้พิมพ์ธนบัตรเป็นที่แรกของโลก ปัจจุบันมีทั้งสำนักงานใหญ่และบริษัทย่อยอยู่หลายแห่งทั่วโลก แต่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับพันธกิจที่มุ่งมั่น คือ คิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการพิมพ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สูงเกินความคาดหมาย ด้วยพันธกิจนี้เอง Koenig & Bauer ต้องการสะท้อนให้เห็นถึง DNA ของธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่สินค้าของบริษัท แต่ในทุกด้านของธุรกิจตั้งแต่การบริการลูกค้า ไปจนถึงวิธีการทำงานของพนักงาน   ซึ่งจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ดีกว่าในการสื่อสาร แบ่งปันแนวคิดและใช้ทำงานงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดทั้งพนักงานในโรงงานหรือบริษัท Pain Point ที่สามารถแก้ได้ด้วย Google Workspace Pain Point หลัก ๆ ของ Koenig & Bauer คือ หลายทีมมีการใช้อีเมลในการรับส่งหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล บางครั้งสมาชิกในทีมไม่ได้รับอีเมลหรือติดตามงานไม่ทัน เอกสารไม่อัปเดตและล่าช้า จึงทำให้การตรวจสอบหรือการอนุมัติก็ช้าตามไป ซึ่งการแชร์ไอเดียและความรู้ เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้นวัตกรรมดำเนินต่อ นอกจากนี้กระบวนการทำงานก่อนหน้านี้ไม่สนับสนุนวิธีการทำงานแบบยืดหยุ่น จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของ Koenig & Bauer ในการมองหาเครื่องมืออย่าง Google Workspace ที่สามารถตอบสนองโซลูชันที่เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การใช้เครื่องมือบนคลาวด์เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช้ Google Meet และเครื่องมือต่าง ๆ...

Continue reading

1-Stop Connections จับมือ Zendesk ยกระดับการบริการให้ลูกค้าโลจิสติกส์ทางเรือระดับโลก

ทราบหรือไม่? กว่า 90% ของสินค้าทุกอย่างที่มีการซื้อขายไปทั่วโลกล้วนต้องผ่านการขนส่ง ไม่ว่าจะทางบก ทางอากาศ หรือแม้แต่ทางทะเล เป็นสถิติที่ตอกย้ำถึงขนาด ความสำคัญ และความซับซ้อนของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก แม้แต่ขณะที่คุณกำลังอ่านข้อความนี้เอง ก็มีตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20 ล้านตู้บนท้องทะเล คอยขนส่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอย่างน้ำมัน เหล็ก ไม้ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างทีวี ของเล่น ของสิ่งทอ เรือขนส่งที่ใหญ่ที่สุดสามารถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ 20 ฟุตได้ถึง 18,000 ตู้ ซึ่งเพียงพอต่อการจัดเก็บรถยนตร์ 36,000 คัน หรือกระป๋องถั่วอบ 850 ล้านกระป๋อง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เหล่านี้บรรทุกและขนถ่ายไปยังท่าเรือหลายสิบแห่งทั่วโลก ท่าเรือที่พลุกพล่านที่สุดจึงเปรียบได้ดั่งเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ลังขนส่งกว่า 10 ล้านลังที่ถูกถ่ายไปมาในทุก ๆ ปี เหมือนระบบสลับซับซ้อนที่ต้องการเครื่องมือที่ชาญฉลาดมาช่วยบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุผลที่บริษัทอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าโลจิสติกส์หันมาหาบริษัทอย่าง 1-Stop Connections บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ในรูปแบบซัพพลายเชน (SAAS) ที่ช่วยให้ท่าเรือขับเคลื่อนเหมือนดั่งเครื่องจักร “เราช่วยจัดการสิ่งที่เราเรียกว่าระบบชุมชนท่าเรือ” Alex Wood, head of customer service, 1-Stop Connnections กล่าว “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนอย่างน่าเหลือเชื่อ สำคัญที่ทุกคนต้องทำงานร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ตั้งแต่บริษัทขนส่ง บริษัทปลายทาง เอเจนซี่ขนส่งสินค้า ฝ่ายกำกับดูแล ไปจนถึงแม้กระทั่งนักบัญชี” การจะดูแลระบบงานที่สลับซับซ้อนได้ ก็ย่อมหมายความว่าโครงสร้างภายในของตัวองค์กรนั้นต้องมีความเป็นระเบียบมากพอเสียก่อน แล้วอะไรที่ทำให้ 1-Stop Connections มีระบบการทำงานที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มาหาคำตอบกัน สร้างความเรียบง่าย ให้ลูกค้าที่ซับซ้อน เพื่อจัดระเบียบสภาพการทำงานที่วุ่นวายนี้ บริษัทได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการดำเนินงาน การติดตาม การรายงานและด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ 1-Stop Connections ทำทุกอย่างตั้งแต่บริหารจัดการตารางเวลาการรับสินค้า ไปจนถึงการออกการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานเทียบท่า “ลูกค้าทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และใช้โซลูชันของเราแตกต่างกันไป” Wood กล่าว “ลูกค้าสามารถผสมสานหรือจับคู่โซลูชันของเราหลายรายการตามแต่องค์กรของตน และตั้งค่าบทบาทของผู้ใช้งาน ระดับการเข้าถึง และช่วงการดูแลระบบที่แตกต่างกันได้ไม่หลักร้อยก็หลักพันคน” หากจะกล่าวให้ซับซ้อนกว่านั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจหลักจะดำเนินงานแบบ Business-to-Business แล้ว 1-Stop Connections ยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้โซลูชันของบริษัทในการสร้างระบบความปลอดภัยให้ตัวเองอีกด้วย เครื่องมือรวมหนึ่งเดียวที่จะคอยบงการทั้งหมด ด้วยลักษณะเฉพาะของธุรกิจที่เข้ากันได้ทั้งกลุ่มลูกค้าแบบ B2B...

Continue reading