6 เคล็บลับ ที่จะทำให้คุณค้นหา Google ได้อย่างชำนาญ

คุณรู้หรือไม่? การค้นหาบน Google Search มีมานานกว่า 20 ปีแล้ว และเราเห็นผลการค้นหาหลายพันล้านรายการทุกวัน

ในช่วง 14 ปี ของแดเนียล รัสเซลที่ Google ในฐานะนักวิทยาศาสตร์การวิจัยเพื่อการค้นหา เขาได้ทำการศึกษาอยู่หลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนรวบรวมจัดระเบียบและเข้าใจข้อมูลจำนวนมากอย่างไรเมื่อพวกเขาค้นหาเว็บ นอกจากนี้เขายังสอนในคลาสเรียนทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อให้ผู้คนได้เทคนิคที่เป็นประโยชน์สำหรับแนวทางการค้นหา และได้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า “The Joy of Search: A Google Insider’s Guide to Going beyond the Basics”

มี 6 ขั้นตอนง่ายๆ ที่รัสเซลสอนในคลาส เพื่อช่วยให้ทุกคนค้นหาข้อมูลที่กำลังค้นหาได้อย่างรวดเร็ว

1. ทำการค้นหามากกว่าหนึ่งครั้ง

บ่อยครั้งที่ผู้คนเข้ามาค้นหาดูผลลัพธ์แรกบนหน้าเว็บและถือว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่การค้นหาแบบเร็วๆ ในหัวข้อที่ซับซ้อนอาจไม่เพียงพอที่จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องสำหรับคำถามของคุณ การค้นหาในครั้งที่สองหรือสาม จะนำเสนอมุมมองและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากขึ้นให้กับคุณ

2. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาเสียก่อน

เมื่อคุณค้นหาข้อมูลบนเว็บ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งที่คุณกำลังต้องการค้นหาจริงๆ พิจารณาจุดประสงค์หลักของเว็บไซต์นั้นว่ามันสามารถช่วยเหลืออะไรให้คณได้บ้าง? เป้าหมายในการให้ข้อมูลนี้คืออะไร? ข้อมูลในเว็บไซต์สอดคล้องกับแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออื่นๆ หรือไม่? อีกวิธีในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คือดูรีวิวจากฟอรัม หรือกระทู้ออนไลน์เพื่อดูว่าคนอื่นพูดถึงเว็บไซต์นั้นอย่างไร

3. อย่าใส่คำตอบลงไปในคำถามของคุณ

คุณอาจค้นหาบางสิ่งบางอย่างซึ่งคุณอาจมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่การรวมคำตอบนั้นไว้ในคำค้นหาอาจส่งผลต่อการค้นหาสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นคำตอบ ตัวอย่างเช่นหากคุณค้นหา “สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์มีน้ำหนัก 38 กิโลกรัมหรือเปล่า” คุณอาจพบข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ “38 กิโลกรัม” ในหน้าเว็บที่เป็นผลการค้นหาของคุณ ดังนั้นทางที่ดีควรค้นหาคำว่า “น้ำหนักของสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์” ซึ่งจะแสดงผลลัพธ์ที่หลากหลาย จากตรงนั้นคุณสามารถจำกัดคำตอบที่ถูกต้องให้แคบลงได้โดยใช้เทคนิคแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากข้อ 3 ด้านบน

4. เริ่มการค้นหาด้วยคำกว้างๆ แล้วค่อยแคบลง

เริ่มต้นค้นหาด้วยคำที่กว้างและเป็นคำทั่วไปเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ จากนั้นคุณสามารถจำกัดการค้นหาของคุณเมื่อคุณพบประเด็นที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในการค้นหา ตัวอย่างเช่นหากคุณค้นหาคำว่า “มีครูกี่คนในนิวยอร์ค” คุณจะได้รับผลลัพธ์จำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ จากนั้นลองค้นหาให้แคบลงโดยเจาะจงให้มากขึ้น เช่น “จำนวนครูอนุบาลในโรงเรียนรัฐบาลบรูคลิน” เป็นต้น

5. Mix & Match คีย์เวิร์ดของคุณ

บางครั้งคุณต้องลองใช้คีย์เวิร์ดค้นหาที่แตกต่างกันสักสองสามคีย์เวิร์ด เพื่อมุ่งไปที่ข้อมูลที่คุณต้องการ คำหลักเป็นคำที่สำคัญที่สุดในคำถามของคุณซึ่งจะบอกเครื่องมือค้นหาว่าคุณกำลังค้นหาอะไร ลองถามตัวเองว่าคำใดจะปรากฏบนหน้าเว็บ หรือคนอื่นจะเขียนมันอย่างไร วิธีที่มีประโยชน์ในการทำเช่นนี้คือ “การค้นหาแบบขนาน” เพื่อค้นหาช่วงของข้อมูลที่ช่วยให้คุณได้รับคำตอบ นั่นคือลองใช้รูปแบบที่แตกต่างกันในการค้นหาของคุณในแท็บเบราว์เซอร์หลายๆ แท็บ และเปรียบเทียบผลลัพธ์

6. ดูเนื้อหารูปแบบอื่นๆ ที่ค้นหาได้ (รูปภาพ, วิดีโอ, ฯลฯ)

นอกเหนือจากการค้นหาเว็บที่มีแต่ตัวหนังสือมากมายเต็มไปหมด คุณสามารถค้นหาผลลัพธ์ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นได้ สมมติว่าคุณต้องการหาตัวอย่างวิธีการทำเรซูเม่เพื่อหางานใหม่ ให้ลองคลิกที่แถบรูปภาพในหน้าค้นหา เพื่อดูตัวอย่างเรซูเม่ที่น่าสนใจ พร้อมหน้าเว็บไซต์ข้อมูลการค้นหางานที่มีประโยชน์ หรือถ้าคุณต้องการเรียนรู้วิธีการปรุงอาหารแบบพ่อครัวชื่อดังที่คุณชื่นชอบ คุณสามารถใส่คำค้นหาค้นหาแล้วคลิกที่แถบวิดีโอ เพื่อดูวิธีทำแบบทีละขั้นตอน

และนี่คือเคล็ดลับทั้งหมดในการค้นหาข้อมูลใน Google หวังว่าทุกคนจะประหยัดเวลาในการค้นหาครั้งต่อไปเมื่อใช้เคล็ดลับเหล่านี้ที่รัสเซลนำเสนอนะคะ