พฤติกรรม เเละ การใช้งานดิจิทัลของคนจีน

      ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนชอบเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นอย่างมาก เเละมีอัตราการท่องเที่ยงสูงขึ้นทุกๆปี จึงทำให้คนไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนปีละ 4 %เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับ GDP ต่อปีของประเทศไทยโดยรวมทั้งประเทศ ทำให้นักธุรกิจในไทยมีโอกาสอย่างมากในการทำธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในเมืองจีน ดังนั้นการที่จะขายสินค้า หรือโปรโมทเเบรนด์ให้คนจีนรู้จักเรามากขึ้นจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือ หรือแพลตฟอร์มของคนจีน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือคนจีนใช้อินเตอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลมากถึง 1.5 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นการที่เจ้าของเเบรนด์ได้มีข้อมูลของสินค้าหรือรีวิวเป็นภาษาจีนในเว็บออนไลน์ และสร้างความน่าเชื่อถือจะทำให้คนจีนซื้อสินค้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น        วันนี้เเอดมินจึงอยากมาเล่าว่าเเพลตฟอร์มไหนได้รับความนิยมในประเทศจีน เเละเข้าถึงคนจีนได้ครอบคลุมทั้งด้าน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โซเชียลมีเดียที่คนจีนใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า 70% ในประเทศจีนมีความล้ำสมัยมากทั้งในด้านของเทคโนโลยีเเละอีคอมเมิร์ซเป็นอย่างมากตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้เเล้วว่าบริษัทกลุ่มไหนในจีนที่ครองตำเเหน่ง top1-2 ในกลุ่มของ E-Commerceทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น DiDi, Dianping, JD.com, QQ หรือ WeChat ซึ่งโปรดักต์ทั้งหมดนี้เป็นของบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent Company) ดังนั้นจึงมีการเปิดตัว WeChat Official Account ที่สามารถสมัครผ่านพาร์ทเนอร์ หรือ เอเจนชี่ในประเทศไทยได้ เพื่อเป็นการโปรโมทเเละสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้เเบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขว้างมากขึ้น เเละเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวในไทย หรือลูกค้าคนจีนในประเทศจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  WeChat Official Acount หรือ WeChat OA คล้ายๆกับ Line Official Account ซึ่งเอาไว้โปรโมทสินค้าเเละทำการตลาดได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้เเล้ว WeChat OA ยังเป็นเหมือนฐานเก็บข้อมูลของลูกค้า หรือผู้บริโภคคนจีน ยิ่งไปกว่านั้น WeChat มีผู้ใช้งานคนจีนมากกว่า 980 ล้านคนเลยที่ใช้ Wechat ในชีวิตประจำวันของคนจีน เหมือนกับที่คนไทยใช้ Line  ในชีวิตประจำวัน นี้จึงเป็นโอกาส เเละช่องทางสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ เป็นการกระตุ้นทั้งในเรื่องของยอดขาย การสร้างเเบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เเละสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้าในการเข้าถึงสินค้ามากขึ้นอีกด้วย สอบถามราคา และโปรโมชัน WeChat mini program (WeChat Shop), WeChat OA (WeChat Official Account) , WeChat Trade Partner...

Continue reading

จีนเข้าสู่สังคมไร้เงินสดด้วย WeChat pay

WeChat pay คืออะไร ? คือ ระบบการชำระเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนของประเทศจีน หรือที่เรียกว่า E-Wallet ที่ชาวจีนใช้ในการชำระเงินเเทนเงินสด จะเหมือนกับการฝากเงินของเราไว้ในกระเป๋าตังออนไลน์ ทำให้เราใช้เงินได้สะดวกมากขึ้นในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เช่น การจ่ายเงินชื้อของในห้างสรรพสินค้าผ่านการชำระเงินในออนไลน์เเทนบัตรเครดิตหรือเงินสด การช้อปปิ้งในออนไลน์ ช้อปปิ้งที่ห้าง หรือ จ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน เเละอื่นๆได้ผ่านการสเเกนบาร์โค้ด เเล้วก็ใส่รหัสของเรา เเค่นั้นก็ถือเป็นการจ่ายเงินผ่าน E-Wallet เรียบร้อย  ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เเละเชื่อว่าเวลานี้คนไทยคงเริ่มรู้จักแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง WeChat และ Alipay กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นแอปกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือเรียกว่า E-Wallet ที่คนจีนนิยมใช้กันในปัจจุบัน  ดังนั้นเจ้าของเเบรนด์ไทยที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดจีนควรรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของคนจีนที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เเละกำลังเข้าสู่ความเป็นยุคดิจิทัล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด มีการสำรวจพบว่า วัยรุ่นคนจีนนิยมใช้แอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ แทนการใช้จ่ายแทนเงินสด สำหรับบริการที่ใช้งานร่วมกับแอพกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ WeChat pay เเละ Alipay ในการจับจ่ายใช้ส่อยในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้ออาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ธุรกรรมทางการเงิน ธนาคาร ร้านค้าท้องถิ่น โรงพยาบาล โรงแรม ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน จองตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ โดยชำระค่าใช้จ่ายต่างผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้เเล้วในร้านค้าครอบคลุมทุกที่ของจีนเเละเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 2 เเอป คือ Alipay และ WeChatPay ในปัจจุบันมีรายงานจาก China internet watch ที่ชี้ว่า วีแช็ทเพย์ (WeChat Pay)  มีผู้ใช้บริการมากกว่า 1,000 ล้านคน อาลีเพย์ (Alipay) มีผู้ใช้บริการมากกว่า 700 ล้านคน การชำระเงินผ่าน WeChat Pay ปัจจุบันประชากรกว่า 90 เปอร์เซ็นของจีนนิยมใช้การชำระเงินทางออนไลน์ผ่านทางมือถือทางออนไลน์มากกว่าการจ่ายเงินสด  จากการสำรวจจากสถาบันการเงินศึกษาฉงหยัง (Chongyang Institute for Financial Studies) พบว่า คนจีนสบายใจในการจ่ายผ่านออนไลน์มากกว่าใช้เงินสด เพราะว่าการพกเงินสดติดตัวไม่เยอะทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะพกเงินตืดตัวเยอะๆ เเละไม่ต้องกลัวทำเงินหาย ระเเวงว่าจะมีคนมาขโมยหรือ...

Continue reading

ทำธุรกิจให้ปังด้วยการใช้ KOL

Key Opinion leader หรือ KOL คืออะไร? การทำ Key Opinion Leader(KOL) หรือ KOL Influencer สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นทางทีวี วิทยุ หรือในเว็บไซต์ซึ่งคนส่วนใหญ่เริ่มไม่เชื่อกับโฆษณาเเบบมีสคริปอีกเเล้ว ดังนั้นจึงให้ KOL influencerหรือ บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อผู้อื่นมานำเสนอให้ข้อมูลสินค้า เพื่อเป็นการโน้มน้าวใจผู้บริโภคได้ดีกว่าสื่ออื่นๆ การให้ KOL มารีวิวทำให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อใจมากกว่าพราะว่าเป็นบุคคลสาธารณะที่คนรู้จักในวงกว้าง  ดังนั้นการทำ KOL หรือ Opinion leader คือทำให้เเบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างการทำ KOL Marketing ไปจีนคือการให้ Bloggerคนดังในจีนมารีวิวสินคาต่างๆให้ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวโรงเเรม ร้านอาหาร สปา  เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักเเละสนใจสินค้าของแบรนด์นั้นๆ ผู้ติดตามKOLส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงาน และมักคล้อยตามเนื้อหาหรือสิ่งที่ KOL Influencer พูดโน้มน้าว เพราะรู้สึกถึงความใกล้ชิดและจริงใจกว่าสื่อโฆษณา   อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เมื่อสงสัย หรือสนใจอะไรก็ใช้ไป่ตู้ (เรียกได้ว่าเป็นกูเกิ้ลที่จีน)เพราะที่จีนไม่สามารถใช้googleได้ จึงใช้ไป่ตู้ในการหาข้อมูลต่างๆนอกจากนี้ก็ต้องให้ความสำคัญกับการเลือก KOL ด้วย เพราะว่าไม่ใช่เเค่ดูยอดฟอลโล่เเล้ว influencer คนนั้นจะสามารถโปรโมทเเละเพิ่มยอดขายได้ เเต่ต้องดูด้วยว่าผู้ที่ติดตามKOL Influencer คนนั้นใช่กลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่? ภาพลักษณ์และคอนเทนต์ของ KOL ของคนๆนั้นตรงกับการนำเสนอหรือไม่? จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเลือก KOL Influencer  สักคน  เพราะKOL แต่ละคนต่างก็มีสไตล์เฉพาะเป็นของตัวเอง  ข้อดีของการทำ Key Opinion leader หรือ KOL Influencer 1. สื่อสารได้ตรงกลุ่ม :  คือการเลือก KOL ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์  เช่น ร้านอาหาร ก็ต้องเลือก Blogger หรือ KOL Influencer ที่ชอบไปกินเเละรีวิวร้านอาหารต่างๆ ซึ่งคนที่ Follow ก็ย่อมเป็นคนที่สนใจในการกินอาหาร คนที่ชอบหาของอร่อย 2. วัดและประเมินผลได้ :  คือสามารถดูกระแสตอบรับได้จากยอดการเข้าถึง เเละยอดผู้เข้าชมได้ซึ่งสามารถตรวจสอบและวัดผลลัพธ์ยอดการกดไลค์ กดแชร์ หรือ การคอมเมนต์ ...

Continue reading

เก็บข้อมูลเวลาเข้า-ออกของพนักงานด้วยเครื่องมือ G Suite

ระบบเช็คชื่อในช่วงเวลา Work from Home สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพรัก ใน ณ สถานการณ์ปัจจุบันนี้ผมเชื่อว่าหลายๆ องค์กรได้นำแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Plan) หรือ BCP นำมาใช้กันอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้หลายๆ องค์กรอาจจะมองว่า BCP ก็เพียงแผนการทำงานตัวหนึ่งที่วางแผนไว้เพื่อให้ผ่านตามข้อบังคับ หรือเทรนด์ของธุรกิจที่พึงจะมี แต่วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแผนที่เกิดขึ้นนั้นได้นำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง สำหรับองค์กรใดที่ได้วางแผนอย่างรอบคอบก็จะทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพียงการปรับพฤติกรรมของบุคลากรอีกไม่มากนัก แต่สำหรับองค์กรใดที่ไม่ได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ คราวที่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่จะทำให้เราได้ตั้งใจวางแผนกันมากขึ้นละคราวนี้  BCP ตัวช่วยคือ เทคโนโลยี สำหรับ BCP ในความเข้าใจที่เรามองกันกว้างๆ ก็น่าจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ แผนการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่ช่วยให้ดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง หรือให้เข้าใจง่ายๆ คือ เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับกระบวนภายในองค์กร รวมถึงการเก็บข้อมูลสำคัญขององค์กรไว้ สำหรับแผนนี้เกือบทุกองค์กรมีการวางรากฐานไว้ให้ดีอยู่แล้ว เพราะมันคือสมองของการทำงาน แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่หลายๆ องค์กรคาดไม่ถึงคือ แผนการทำงานของพนักงานในองค์กรเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ นับว่าเป็นส่วนน้อยที่องค์กรจะได้วางแผนการดำเนินงานส่วนนี้ไว้  ในบทความนี้จะกล่าวถึงประสบการณ์ที่เราสามารถนำเครื่องมือไปประยุกต์เพื่อตอบโจทย์ของการวางแผนการทำงานของพนักงานภายในองค์กรเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ต้องยอมรับโดยปริยายครับ ว่าทุกวันนี้การทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home (บทความ: ตัวอยู่บ้าน แต่งานไปต่อได้ ) เป็นที่ได้รับการกล่าวถึงกันมาก จนติดเทรนด์ของ Google เลยทีเดียว Work from Home with G Suite Tools Q: “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานของเราทำงานจริงหรือเปล่า? เราจะวัดผลอย่างไรว่าพนักงานของเราพร้อมทำงานในแต่ละวันไหม? ทำงานที่บ้านนี่เราจะไม่เสียค่าจ้างฟรีใช่ไหม?” คงเป็นคำถามยอดฮิตที่ทำให้ผู้บริหารหลายๆ ท่านลังเลใจ แต่ต้องบอกว่าเมื่อใดเกิดสถานการณ์บังคับ เราก็จำเป็นที่ต้องยอมรับกับสิ่งที่ตามมา สำหรับคำถามยอดฮิตข้างต้นคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าถ้าเอาคำถามทั้งหมดมาตั้งแล้วหาคำตอบ คำตอบที่ได้นั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นสมบูรณ์ 100%  อยู่แล้ว แต่เราต้องยอมปล่อยวางบางอย่าง เพื่อให้งานส่วนใหญ่ของเราได้ผลลัพธ์มาดีมากขึ้น และสิ่งสำคัญของการตอบโจทย์แบบ Work from Home คือ “ความเชื่อใจ”  Q: “เราจะวัดผลอย่างไรว่าพนักงานของเราพร้อมทำงานในแต่ละวันไหม?”   คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่ง่ายที่สุดที่จะหาทางออก แต่ผลลัพธ์ที่เข้ามาก็ไม่ต่างอะไรกับ คุณให้พนักงานมาทำงานตามเวลางาน แล้วปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ สำหรับเครื่องมือปัจจุบันที่เราจะนำมาตอบโจทย์ของการเช็คความพร้อมของการทำงานก็มีมากมายหลายรูปแบบ อย่าง Google ก็มีเครื่องมือที่ใช้เวลาสร้างไม่ถึง 5...

Continue reading

WeChat Mini Programs คืออะไร ?

WeChat เป็นช่องทางโซเชียลมีเดียที่คนจีนใช้มากที่สุด  ซึ่งปัจจุบันประชากรจีนมีอยู่ราวๆ1,400 ล้านคน มียอดขายผ่าน WeChat มากกว่า 209,700 พันล้านหยวน และ มีผู้ใช้ WeChat ในชีวิตประจำวันถึง 1,000 ล้านคน  ซึ่ง Mini Program นี่เป็น in App Program เหมาะกับ ผู้ที่อยากทำอีคอมเมิร์ซ (Wechat Ecommerce) ในออนไลน์ ซึ่งมีการพัฒนามาแล้วกว่า 2 ปี  Mini ไม่ใช่แอพพลิเคชั่นใหม่ หรือ ฟีเจอร์ใหม่ของ WeChat แต่เป็นการต่อยอดพัฒนาแอพบนแอพ ของ WeChat Shop  ดังนั้นเจ้าของธุรกิจ หรือ เเบรนด์ไม่จำเป็นต้องสร้างเเอพใหม่ เเละ ผู้ใช้ไม่ต้องเปลืองพื้นที่ในการดาวโหลดเเอพเพิ่มในมือถืออีกต่อไป  ทำให้เจ้าของเเบรนด์โปรโมทสินค้า เเละ ขายของได้ง่ายขึ้นผ่านโปรแกรม WeChat Mini หรือจะเรียกว่า WeChat Online Shopping ก็ได้  ซึ่งต่อยอดจาก Official Account ไปสู่การทำ Brand Awarness ให้เเบรนด์ ในการซื้อขายบนช่องทางของ WeChat เเละ สามารถชำระเงินผ่าน WeChat Pay ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าครบวงจรในการ ชื้อขาย เเละ จ่ายเงิน ซึ่งเจ้าของเเบรนด์ก็สามารถลงรูป โปรดักส์  เเละ ราคาใน WeChat Mini Program ได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนชื้อก็เลือก โปรดักส์ ( Product ) ได้สะดวกสบายผ่านมือถือ ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปชื้อถึงที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งคล้ายๆ Shopee Lazada ในเมืองไทยนั้นเอง  ตอบโจทย์ สำหรับคนไม่มีเวลาได้เป็นอย่างดี    ในปัจจุบัน WeChat Mini Program มีมากกว่า 1...

Continue reading

เหตุผลที่ All Nippon Airways วางใจใช้ G Suite

All Nippon Airways หรือ ANA เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มแรกนั้น ANA มีความรู้เกี่ยวกับ Cloud ไม่เท่าไหร่นั้น แต่ปัจจุบันนี้ All Nippon Airways มีความยินดีที่จะประกาศว่า เราจะเริ่มต้นใช้ระบบ Cloud เพื่อสร้างความแตกต่างในรูปแบบการทำงานของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องมือของ Google อย่าง G Suite เพื่อพัฒนาการสื่อสารและการทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น พนักงานของ ANA ทุกคนในแผนกต่างๆของบริษัท ตั้งแต่นักบินและพนักงานต้อนรับไปจนถึงพนักงานฝ่ายบุคคลและการเงินใช้ Gmail, Google Drive และ Google Hangouts Meet ANA เป็นธุรกิจระดับโลก ดังนั้นพนักงานของบริษัทมีอยู่ทุกมุมโลก เมื่อ ANA เลือกใช้โซลูชัน G Suite พวกเขาก็ไม่ต้องสนใจแล้วว่าพนักงานของเขาจะอยู่ที่โตเกียว อยู่ในสำนักงานที่ประเทศอังกฤษ หรือจะอยู่บนท้องถนนที่ปักกิ่ง เพราะพวกเขาจะสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์โดยใช้ Google Docs, Sheets และ Slides จากเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือ แท็บเล็ต ข้อดีของการใช้ G Suite คือลดปัญหาเรื่องระยะทาง และยังช่วยทลายอุปสรรคด้านการสื่อสารภาษาต่างประเทศด้วยฟีเจอร์แปลภาษาของ Google Hangouts G Suite ให้ความน่าเชื่อถือแก่พวกเราในเรื่องอีเมลบริษัท และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานแบบที่เราต้องการ ทีมงาน ANA ต้องประสานงานไฟต์บินให้กับลูกค้าไปยังจุดหมายปลายทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมีระบบการสื่อสารที่เราสามารถไว้วางใจได้ ฟีเจอร์ Gmail ไม่ได้ให้แค่ความน่าเชื่อถือ เพราะในระยะยาวผู้ใช้งาน G Suite ไม่ต้องเสียค่าทรัพยากรในการดูแลระบบอีเมล เพราะสามารถไว้วางใจได้ว่าการดำเนินการระบบอีเมลของพวกเขาจะถูกดูแลด้วย Google’s infrastructure กว่า 60 ปีที่ ANA ให้บริการผู้โดยสารทั่วโลกด้วยความสะดวกสบายและความปลอดภัย  ในขณะที่กำลังเตรียมเปิดตัว ANA ในทศวรรษถัดไป พวกเรารอที่จะขับเคลื่อนบริษัทด้วย G Suite อย่างราบรื่นที่สุดและตั้งใจจะเพิ่มอินโนเวชั่น ความคล่องตัวในการทำงานและการทำงานสไตล์ใหม่ๆ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมราคา G Suite โปรโมชั่นพิเศษ โทร!  02-675-9371 (Office) 092-262-6390 (Support) 095-896-5507 (Sale) 097-008-6314 (Sale) support@dmit.co.th Official LINE...

เพิ่ม TIME ZONE ใน Google Calendar

ถ้าคุณต้องทำงานกับเพื่อนร่วมทีมในต่างประเทศที่อยู่ในโซนเวลาต่างกัน คุณสามารถเพิ่ม time zone ของประเทศนั้นใน Google Calendar ได้ ในครั้งถัดไป คุณสามารถสร้างปฎิทินสำหรับ event แบบข้ามโซนเวลาเป็นเวลาของต่างประเทศได้ ซึ่งปฏิทินสำหรับ event นี้จะโชว์เวลาและสถานที่ให้กับคุณและเพื่อนร่วมงานในต่างประเทศเห็นในรูปแบบโซนเวลาของประเทศที่คุณอยู่ วิธีการตั้งค่าเพิ่ม time zones ใน Google Calendar ล็อคอิน Gmail ผ่านหน้าบราวเซอร์ และ Google Apps หรือปุ่ม 9 จุด จากนั้นเลือก Google Calendar   2. เมื่อเข้า Google Calendar มาแล้วให้คลิก setting menu 3. คลิกเลือก time zone ในแถบด้านขวา 4. คลิกเลือก primary time zone หรือ โซนเวลาหลัก และตั้งชื่อตรง Label 5. คลิกตรงช่อง Display secondary time zone จากนั้นเลือก time zone ของประเทศที่คุณต้องการ และตั้งชื่อตรง Label  6. คุณสามารถสลับโซนเวลาหลักกับรองได้ว่าจะใช้อันไหน เพียงคลิกปุ่มลูกศรสลับขึ้นลง วิธีตั้งค่า time zone สำหรับ event สร้าง event ใน Google Calendar คลิก edit ที่รูปดินสอ 3. คลิก Time zone 4. เลือกโซนเวลาในการเริ่มงานและจบงานของ Event บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน...

Continue reading

10 ไอเดียการทำงานด้วย G Suite สำหรับการขายและการตลาด

1. การทำร่างข้อเสนอ Request for Proposal (RFP) ร่วมกันภายในทีม ถ้าคุณต้องการใส่ข้อมูลที่มาจากหลายๆทีมใน Request for Proposal แต่คุณก็กลัวมีปัญหาการมีเอกสารหลายเวอร์ชันจากแก้ไขงาน คุณสามารถใช้ Google Docs เพื่อสร้างเอกสารที่ทำงานได้พร้อมกันและในเวลากัน ซึ่งผู้ร่วมงานของคุณสามารถเข้ามาแก้ไขเอกสารนี้ในระหว่างที่คุณทำอยู่ด้วยได้ และสามารถแสดงความคิดเห็นในเอกสารเดียวกันนี้เพื่อให้คุณแก้ไขงาน ข้อดีของ Google docs คือมีไฟล์เอกสารแค่อันเดียว ซึ่งคุณสามารถเข้าดู version history ได้และด้านในจะบอกเวลาและคนที่เข้ามาแก้ไข นอกจากนี้ทุกการเปลี่ยนแปลงบนเอกสารจะถูกบันทึกแบบอัตโนมัติ 2. จัดเก็บไฟล์อย่างไร ให้ทุกคนเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์การใช้งาน ผู้ใช้งาน G Suite ทุกท่าน สามารถเข้าถึงไฟล์ที่สำคัญขณะที่ทำงานอยู่ภายนอกบริษัทได้ เมื่อเซลล์หรือนักการตลาดออกไปพบลูกค้าและต้องอัพเดตเอกสารระหว่างที่อยู่ในบริษัทลูกค้า แต่ดันลืมคอมพิวเตอร์มาด้วย ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อผู้ใช้งานจัดเก็บไฟล์ไว้บน Google Drive หรือ Team Drive คุณก็สามารถเข้าถึงไฟล์เอกสารหรือไฟล์ต่างๆเพื่ออัพเดตหรือแก้ไขงานได้จากทุกอุปกรณ์ที่มีอินเตอร์เน็ต 3. สร้างและแชร์ศักยภาพในการใช้สินทรัพย์ทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับเอเจนซี่ คุณเคยทำงานในการใช้สินทรัพย์ทางความคิดสร้างสรรค์กับเอเจนซี่หรือไม่ ?  ในการทำงานคุณจะต้องมั่นใจว่าทุกคนมีการไฟล์ออกแบบสินค้าอันใหม่ล่าสุด มีไฟล์วีดีโอโฆษณา มีไฟล์ PDFs และไฟล์เอกสารสำคัญต่างๆ ซึ่งผู้ใช้งาน G Suite สามารถจัดเก็บไฟล์ต่างๆนี้ได้ด้วย Google Drive หรือ Team Drive จากนั้นก็แชร์ไฟล์เหล่านี้ให้กับเอเจนซี่ได้ทันที เมื่อมีคนเข้ามาร่วมในโปรเจคของคุณ คุณสามารถแชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่อยู่ใน Google Drive ให้กับเพื่อนร่วมโปรเจคได้ทันที ซึ่งทุกการเปลี่ยนแปลงในเอกสารหรือไฟล์ต่างๆเหล่านี้จะถูกบันทึกแบบอัตโนมัติ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในทีมเห็นหน้าเดียวกันนี้ทั่วทั้งภูมิภาคและเขตเวลา 4. สามารถฝึกอบรมพนักงานขายของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา ถ้าคุณจำเป็นต้องอบรมพนักงานและต้องการลดค่าใช่จ่ายด้านการไปอบรมนอกสถานที่ คุณสามารถใช้ Hangouts Meet เพื่อเปิดคอร์สเรียนเสมือนนั่งเรียนอยู่ห้องเรียน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง มากไปกว่านั้นคุณสามารถบันทึกวีดีโอระหว่างการอบรม เพื่อนำมาเปิดใช้งานที่หลังได้ 5. จัดการงานแสดงสินค้า ถ้าคุณมีเทศการแสดงสินค้าหลายงานจากหลากหลายทีมงานและต้องส่งงานให้ทันเวลา คุณต้องมั่นใจว่าไฟล์ต่างๆเช่น ไฟล์ PDFs ไฟล์เอกสารหรือไฟล์วีดีโอ จะเสร็จเรียบร้อยและส่งได้ตรงเวลา คุณอาจจะต้องจัดทำเอกสารบันทึกข้อมูลกระบวนการของงาน ว่าอยู่ในลำดับที่ขั้นตอนเท่าไหร่ และทำบันทึกหน้าที่ของเพื่อนร่วมทีมว่าแต่ละคนทำอะไรแล้วบ้าง คุณสามารถใช้ Google Sheets จัดเก็บ แบ่งปันและอัปเดตข้อมูลโครงการทั้งหมดในแบบเรียลไทม์ 6. จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแบบสำรวจ คุณต้องการสำรวจกลุ่มเป้าหมายและเก็บข้อมูลอย่างรวดเร็วที่ไม่เกี่ยวกับ data expert หรือไม่ ? สามารถสร้างแบบสอบถามออนไลน์ได้ง่ายๆด้วย Google Forms ซึ่งคุณจะเห็นคำตอบได้แบบเรียลไทม์ และสามารถสร้างกราฟและตารางเพื่อวิเคราะห์คำตอบได้ทันทีบน Google Sheets 7. สร้างเว็บไซต์สำหรับทีม เพื่ออัพเดตข้อมูลล่าสุดไว้ในที่เดียว เบื่อกับการตอบกลับอีเมล เพื่อขอเทมเพลตองค์กรล่าสุดหรือไม่ ? และต้องการวิธีการสื่อสารภายในทีมโดยไม่ต้องส่งอีเมลในรูปแบบเดียวกันส่งให้หลายๆคนมั้ย เมื่อคุณใช้ Google Sites คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ข่าวสารหรือแหล่งรวมข้อมูล และแชร์ให้เพื่อนร่วมงานทุกคนในแผนกให้ทราบโดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไอที 8. สร้างพรีเซนเทชั่นอย่างมืออาชีพ เมื่อคุณต้องเตรียมสไลด์พรีเซนเทชั่นสำหรับพบลูกค้า และต้องเตรียมนำเสนอประเด็นสำคัญต่างๆพร้อมกับทีมงานของคุณ...

Continue reading

รวมภาพอบรม G Suite Essential Course for Digital Transformation ครั้งที่ 9

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัทดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ Google ในประเทศไทยที่ให้บริการ G Suite หรือ อีเมลบริษัท และ Google Cloud ได้จัดงานอบรมการใช้งาน G Suite ครั้งที่ 9 ภายใต้หัวข้อ “G Suite Essential Course for Digital Transformation” ที่ KX – Ecosystem for Innovation Driven Entrepreneurship ในวันที่ 14 มีนาคม 2562 ซึ่งในวันนั้นได้รับเกียรติจาก ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ CEO ของบริษัทดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ขึ้นมากล่าวเปิดงานภายใต้หัวข้อ ทำไมต้องเข้าอบรม G Suite สรุปได้ใจความว่าหลายๆองค์กรใช้งาน G Suite ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องมาจากไม่รู้วิธีการใช้งานแอปพลิเคชันใน G Suite และไม่รูว่าในแต่แอปพลิเคชันสามารถทำอะไรได้บ้าง ภายในงานครั้งนี้ได้วิทยากรทรงคุณวุฒิอย่างคุณ ชนัส สาธรกิจ (Manager, Technical and Consulting Department) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากดีมีเตอร์ ไอซีที ที่มีประสบการณ์มากกว่า 9 ปีในการจัดอบรมการใช้งาน G Suite มาแล้วมากกว่า 100 คอร์ส โดยคอร์สนี้เน้นรูปแบบ การทำ Workshop ให้ผู้เข้าอบรมทุกท่านได้ปฎิบัติจริงกับทุกหัวข้อของการอบรม พร้อมทั้งมีทีมงานผู้ช่วยคอยดูแลตลอดการทำ workshop เพื่อให้คุณไม่พลาดเคล็ดลับการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของ G Suite มากไปกว่านั้นผู้เข้าอบรมทุกท่านสามารถถามคำถามหรือสอบถามการใช้งาน รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน G Suite กับวิทยากรหรือทีมงานผู้ช่วยได้โดยตรง ซึ่งเนื้อหาการอบรมครั้งนี้จะกล่าวถึงพื้นฐานที่จำเป็นที่ต้องรู้เกี่ยวกับการใช้งานแต่ละแอปพลิเคชันใน G Suite เพื่อให้ผู้ร่วมเข้าอบรมสามารถนำวิธีและเคล็ดลับต่างๆไปใช่งานได้จริง หรือปรับวิธีการทำงานให้การทำงานร่วมกันได้แบบเต็มประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีรายละเอียดหัวข้อการอบรม ดังนี้ แนะนำ G Suite Gmail Google contact Google Calendar Google Drive Google Docs , Sheets , Slides Google Forms Google Hangouts ภายในงานทางบริษัทดีมีเตอร์ ไอซีที...

Continue reading