Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Titan Security Keys คืออะไร?

เมื่อปี 2018 ทางกูเกิ้ลได้เปิดตัว “ไททันคีย์” (Titan Security Keys) ในสหรัฐอเมริกาเพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ในการปกป้องบัญชีผู้ใช้จากฟิชชิ่ง และการแฮ็คบัญชี ตอนนี้ไททันคีย์มีให้บริการใน Google Store ที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ไททันคีย์สามารถใช้งานได้ทุกที่ที่รองรับคีย์ความปลอดภัยของ FIDO รวมถึงโปรแกรมการป้องกันขั้นสูงของ Google และช่วยให้สามารถป้องกันบ็อทอัตโนมัติ การโจมตีแบบฟิชชิ่ง และการแฮ็คข้อมูลบัญชีได้อย่างสมบูรณ์แบบ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับไททันคีย์ที่ว่านี้กัน ว่ามันคืออะไร แล้วมีความสามารถ และความพิเศษอะไรบ้าง ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าไททันคีย์คืออะไร ไททันคีย์คือ Security Keys เป็นอุปกรณ์ (ฮาร์ดแวร์) ตรวจสอบสองระดับ (Two-Factor Authentication หรือ 2FA) ซึ่งช่วยป้องกันฟิชชิ่ง และข้อมูลผู้ใช้ระดับสูง เช่น ผู้ดูแลระบบไอที หรือระดับผู้บริหาร ไททันคีย์ทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์ยอดนิยมอย่าง Chrome และระบบบริการที่รองรับมาตรฐาน FIDO (อย่างเช่น Google, Dropbox, Ebay, Facebook ฯลฯ) ไททันคีย์ผลิตขึ้นด้วยชิปฮาร์ดแวร์ที่มีเฟิร์มแวร์ ออกแบบโดย Google เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของคีย์ การป้องกันบัญชีขั้นสูง ไททันคีย์ใช้มาตรฐาน FIDO สำหรับ 2FA ยกระดับการเข้ารหัสด้วยการ encrypt ข้อมูลขั้นสูง เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้และ URL ของหน้าเพจล็อกอิน ไททันคีย์จะช่วยป้องกันผลกระทบจากการโจมตีแบบฟิชชิ่ง และช่วยป้องกันการสวมรอยบัญชี ฮาร์ดแวร์ที่น่าเชื่อถือ รหัสรักษาความปลอดภัยของไททันคีย์ ผลิตจากชิปฮาร์ดแวร์ที่มีเฟิร์มแวร์ ออกแบบโดย Google เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของคีย์ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าส่วนประกอบต่างๆ ของคีย์นี้ไม่ได้ถูกดัดแปลง  ใช้ได้กับระบบบริการที่หลากหลาย ไททันคีย์ทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์ยอดนิยมอย่าง Chrome และระบบบริการที่รองรับมาตรฐาน FIDO (อย่างเช่น Google, Dropbox, Ebay, Facebook ฯลฯ) ไททันคีย์เพียง 1 อัน มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ตรวจสอบ รับรองความถูกต้องของบัญชีและบริการส่วนบุคคลมากมาย สำหรับผู้ใช้ Google...

Continue reading

Digital Transformation ไม่ใช่จบแค่เรื่องของเทคโนโลยี

โดย ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์ , CEO บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด วันนี้ผมได้พูดสองหัวข้อในงาน Event ที่ Google Thailand เรื่องแรกได้พูดถึงวิธีการเติมไฟในการทำงานแบบ Google ครับ จุดเริ่มคือเคยสังเกตุไหมครับว่าหนึ่งในสาเหตุที่บุคลากรในองค์กรของเราเริ่มออกอาการเซ็งและหมดไฟคือเรามีกระบวนการในการทำงานที่ไม่มีมูลค่าถึงร้อยละ 70 เนื่องจากเป็นงานที่ต้องเสียเวลาในการเตรียมข้อมูล ต้องปิงปองไปกลับระหว่างเพื่อนร่วมงาน ต้องเดินเอาเอกสารไปให้ ต้องพิมพ์เอกสารออกมาเซ็นต์ และต้องเก็บเอกสารเป็นตั้งๆ เพราะกลัวตรวจสอบไม่ได้ หรือแม้แต่ต้องเดินทางมาประชุมด้วยการฝ่ารถติดเข้ามา โดยที่ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวอาจจะแค่ 30% ที่เหลือเป็นการเสียเวลาในกระบวนการโดยทั้งนั้น เหตุว่าทำไม Google ถึงได้เป็นองค์กรนวัตกรรมระดับโลก เพราะ Google เน้นในเรื่องแค่สามเรื่องคือ 1) เน้นการทำงานแข่งกับเวลา 2) มีกระบวนการขั้นตอนในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้าใจ pain points ของผู้ใช้งาน และ 3) การแบ่งปันข้อมูลในการทำงานร่วมกัน ซึ่งหากเรามีเครื่องมือในการทำให้ทั้งสามเรื่องเกิดขึ้นได้ง่าย เท่ากับว่าเวลาที่ต้องสูญเสียไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องในการพูดคุย การแก้งานไปมา การแชร์ข้อมูลเดียวกันก็จะหายไปอย่างมหาศาล ซึ่ง Google ได้ใช้ G Suite ในการเป็นเครื่องมือการทำงานในชีวิตประจำวันนั่นเอง เอาเข้าจริงหลายองค์กรมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการทำ Digital Transformation คือการใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการซื้อเครื่องมือเทคโนโลยี (Technology) มาใช้งานในองค์กร แต่องค์กรจำนวนมากได้ลืมปัจจัยอีกสองอย่างที่ละเลยเสมอในการทำ Digital Transformation ขององค์กร นั่นก็คือ 1. People และ 2. Process!!!! ทั้งสองอย่างประกอบกับ 3. Technology จึงจะทำให้การทำ Digital Transformation ในองค์กรเกิดขึ้นได้จริง เพราะตอนนี้คนรวยสุดคือทรัพย์ศรีไทยที่รับจ้างเก็บเอกสารกองพะเนินให้เราอยู่ การทำ Digital Transformation ในองค์กรจะประกอบไปด้วยสามเรื่องคือ 1) Technology 2) People และ 3) Process ฟังดูจะรู้ว่ามันไม่จบแค่ใช้เงินซื้อเทคโนโลยีเหมือนกับที่หลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนเข้าใจคำว่า Thailand 4.0 ว่ารีบๆ ไปหาระบบงานมารองรับ ทั้งกระบวนการทำงานและการวิเคราะห์ข้อมูล เสร็จแล้วก็จบแล้ว แต่นั่นเรากำลังพูดแค่ในมุมของ Technology...

Continue reading

G Suite: Your Digital Transformation Partner

โดย: ดร. วรัญญู สุจิวรพันธ์พงศ์, Founder & CEO, Demeter ICT ผ่านไปด้วยดีกับอีเวนทํประจำไตรมาสของ Demeter ICT ร่วมกับ Google ในหัวข้อ G Suite: Your Digital Transformation Partner คำว่า Digital Transformation คำนี้ค่อนข้างฮิตกันในยุคนี้ ที่ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนก็พูดถึง ซึ่งเรามักจะมองว่ามันเกี่ยวข้องกับองค์กรขนาดใหญ่ แต่องค์กรระดับ SME ไม่น่าจะเกี่ยวข้องเพราะว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือมักจะมองว่า Digital Transformation คือการลงทุนทางด้าน ‘เทคโนโลยี’ ใช้เงินแก้ปัญหาแล้วจบเลย แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ หลายองค์กรมักจะตั้งต้นคำว่า Digital Transformation คือการไปเอาเทคโนโลยีเป็นตัวตั้งต้น ด้วยการดูว่าปัจจุบันในอุตสาหกรรมเดียวกับธุรกิจมีเทคโนโลยีอะไรบ้าง แล้วก็ลงทุนซื้อเทคโนโลยีมาใช้งานเลย แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาขององค์กรจริงๆ เพราะกินยาผิด เนื่องจากเทคโนโลยีที่เอามาใช้ไม่ได้แก้ปัญหาขององค์กรจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนในองค์กรยังคงมีรูปแบบการทำงานที่เหมือนเดิม แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาใช้ก็ตาม ในความเห็นผมการทำ Digital Transformation จะต้องเริ่มที่ Pain point หรือจุดที่องค์กรมีปัญหาองค์กรก่อน เช่น ทำการวิเคราะห์ว่าทุกวันนี้องค์กรมีปัญหาอะไร ทำงานช้าที่ตรงไหน data discrepancy อยู่จุดไหน ขาดข้อมูลส่วนไหนบ้าง โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงเทคโนโลยีก่อน จากนั้นพอสรุปประเภทปัญหาได้แล้ว จึงคิดต่อว่าเครื่องมืออะไรบ้างที่มาแก้โจทย์นี้ได้ และที่สำคัญคือ ‘คนในองค์กร’ จะมีภาพความฝันในการทำงานบนเทคโนโลยีนั่นด้วยวิธีการทำงานแบบไหนที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งมาถึงจุดนี้เราจะตอบได้ทันทีว่า Digital Transformation จะไม่ใช่เรื่องของ CIO เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ CEO ที่ต้องทำหน้าที่ Project Sponsor ในการไดรฟ์ให้คนในองค์กรมาทำงานด้วยวิธีใหม่ บนเทคโนโลยีใหม่ ไม่ใช่ทำงานบนเทคโนโลยีใหม่ด้วยวิธีการทำงานแบบเดิม ซึ่งการทำ Change Management หรือการบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้คนในองค์กรปรับเปลี่ยนวิธีทำงานบนเทคโนโลยีใหม่ เป็นสิ่งทีืจำเป็นในการทำ Digital Transformation มากครับ ผมมักจะยกตัวอย่างขององค์กรที่ใช้ Google G Suite อยู่เสมอว่า G Suite ไม่ใช่มาแทนระบบอีเมลเดิม...

Continue reading

อีเมลสำหรับบริษัทคืออะไร ?

อีเมล (Email) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลโดยการส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ต ประกอบไปด้วยเนื้อหาของอีเมล ที่อยู่ของผู้ส่ง และที่อยู่ของผู้รับ (สามารถมีหลายคนได้)  ซึ่งโดยปกติแล้วผู้คนจะนิยมใช้อีเมลในการติดต่อสื่อสารสำหรับข้อความที่เป็นทางการ เช่น การติดต่อด้านธุรกิจ การประชาสัมพันธ์หรือการประกาศเกี่ยวกับบริษัท การรับสมัครงาน การติดต่อกับบริษัทคู่ค้าต่างประเทศ เป็นต้น  หากคุณเพิ่งเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทใหม่ การมีอีเมลของบริษัทไว้สื่อสารกันทั้งภายในและภายนอกองค์กร คือสิ่งแรกที่จะช่วยให้การสื่อสารในบริษัทเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นระบบ อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทของคุณดูมีความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพอีกด้วย รูปแบบของอีเมล อีเมลจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนหัวและส่วนเนื้อความ อ้างอิงรูปแบบอีเมลจาก Gmail 1. ส่วนหัว อีเมลของผู้รับ หัวข้ออีเมล หัวข้ออื่น ๆ เช่น Cc คือ การส่งอีเมลให้กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่ผู้สื่อสารหลัก Bcc คือ การส่งอีเมลให้กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องโดยซ่อนอีเมลของผู้รับนี้เอาไว้ ซึ่งผู้รับอีเมลและผู้ที่อยู่ใน Cc จะไม่เห็นอีเมลของคนที่อยู่ใน Bcc 2. เนื้อหา/ข้อความในอีเมล ข้อความในอีเมลนี้จะเป็นใจความหลักในการสื่อสาร ซึ่งคุณสามารถแนบไฟล์เอกสาร แนบรูปภาพ แนบลิงก์ไปกับข้อความได้เลย อีกทั้งคุณยังสามารถปรับแต่งข้อความได้ที่เมนูด้านล่าง เช่น การปรับแต่งลักษณะตัวอักษร การนำเข้าไฟล์จาก Google Drive การใส่ลายเซ็น การจัดการ Layout และอื่น ๆ ตัวอย่างอีเมลสำหรับบริษัท sales@dmit.co.th sales = ชื่อสำหรับการตั้งอีเมล  คุณสามารถเลือกใช้ชื่อได้ตามต้องการ (คนส่วนใหญ่นิยมใช้ชื่อจริงหรือชื่อแผนก) @ = เครื่องหมายกั้นระหว่างชื่อและโดเมนเนม dmit.co.th = ชื่อโดเมนเนม 3 ส่วนนี้จะประกอบกันเป็น 1 อีเมลนั่นเอง ดังนั้นหากคุณต้องการมีอีเมลเป็นของบริษัท คุณจึงจะต้องมีโดเมนด้วย ทำความรู้จักโดเมนเนมได้ที่นี่ Demeter ICT ผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาด้าน Business Transformation จัดหาโซลูชันเพื่อการทำงานที่เหมาะสมที่สุดให้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Google Workspace, Gemini, AppSheet และแพลตฟอร์มอื่น ๆ รวมถึงบริการรับจดโดเมน สร้างอีเมลบริษัท และจัดอบรมการใช้งานโซลูชันต่าง ๆ ...

การป้องกันอีเมลตก spam

การตั้งค่านี้มีไว้ใช้ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องการแก้ไขเวลาที่มีอีเมลเข้ามาที่หน้าอินบ็อกแล้วอีเมลชอบไปตกอยู่ที่โฟลเดอร์สแปมบ่อยๆ สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวสามารถดำเนินการตั้งค่าได้ตามวิธีการดังนี้ คลิกที่ลูกศรชี้ลงขนาดเล็กที่ด้านขวาสุดของแถบค้นหา เพื่อกำหนดการค้นหา เลือกเงื่อนไขการค้นหา คลิกที่ตัวกรอง เพื่อเริ่มการตั้งกฏ เลือก Option ให้กับการตั้งค่านี้ คลิกเลือก ไม่ส่งไปที่สแปม (Never send it to Spam) คลิกเลือก ใช้การตั้งค่านี้กับอีเมลที่เคยส่งมาก่อนหน้านี้ด้วย (Also apply filter to  matching conversations.) คลิก Create filter เสร็จเรียบร้อย ***หากต้องการให้การกรองนี้มีผลกับอีเมลที่เคยส่งมาแล้วให้ คลิกที่ Also apply filter to matching message   บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ(ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ)สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมราคา G Suite โปรโมชั่นพิเศษ โทร!  02-675-9371092-262-6390 (support)095-896-5507 (sale)support@dmit.co.thOfficial LINE: @dmit...

แค่มี Google Translate ไม่ต้องกลัวหลงทางหรือสั่งอาหารไม่ได้

ปัญหาของคนที่ใช้ Google Translate หลายคนคือเวลาเห็นป้ายข้อความในภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะแปลยังไง แต่ต่อไปนี้เราไปเที่ยวประเทศไหนก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือสั่งอาหารไม่ได้แล้วครับ เพราะแค่พกเครื่องโทรศัพท์มือถือไปไหนมาไหน เราก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้ Google Translate แอพแปลภาษาของ Google บนโทรศัพท์มือถือสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกด้วยพีเจอร์ Instant translate ที่เพียงเราเอากล้องในโทรศัพท์มือถือไปส่องตามป้าย,หน้าจอแสดงผล,กระดาษ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ มันจะสามารถแปลคำหรือประโยคที่อยู่บนป้ายเหล่านั้นให้เป็นภาษาที่เราต้องการได้เลยทันที แต่น่าเสียดายที่ช่วงแรกที่ปล่อยออกมา Google รองรับเพียง 7 ภาษาเท่านั้นและไม่มีภาษาไทย มาจนถึงวันนี้ Google Translate อัพเดตใหม่รองรับภาษาไทยในการทำ Instant translate หรือ แปลสด แล้วครับ  Google ประกาศเรื่องอัพเดตใหม่ของ Google Translate เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า Quote: “พวกเราเริ่มต้นเปิดความสามารถนี้ให้กับ 7 ภาษาคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปรตุเกส, รัสเซีย และสเปน มาวันนี้เราขอเพิ่มเข้าไปอีก 20 ภาษา โดยคุณสามารถแปลแบบไปกลับระหว่างภาษาอังกฤษ, บัลแกเรีย, คาตาลัน, โครเอเชีย, เช็ก, เดนิช, ดัตช์, ฟิลิปปินส์, ฟินแลนด์, ฮังการี, อินโดนีเซีย, ลิทัวเนีย, นอร์เวย์, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวัก, สวีเดน, ตุรกี และยูเครน นอกจากนั้นคุณยังสามารถแปลแบบทางเดียวจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาฮินดีและภาษาไทยได้อีกด้วย (หรือถ่ายภาพนิ่งของตัวหนังสือแล้วเอามาแปลทีหลัง เราก็แปลได้ถึง 37 ภาษา)” จากการทดลองด้วยตัวเองพบว่า เมื่อเราอัพเดต Google Translate แล้วเข้าไปใช้งานเลือกภาษาเป็น English -> Thai เมื่อกดปุ่มกล้องแล้วจะมีข้อความแจ้งมาให้ download language pack เพิ่มอีกประมาณ 3MB จากนั้นก็ใช้งานได้เลยครับ เอากล้องไปส่งตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ แล้วมันจะถูกแทนที่ด้วยภาษาไทยทันที มหัศจรรย์มาก คือเข้าใจอารมณ์ของ “วุ้นแปลภาษา” ของวิเศษในโดราเอมอนเลยทีเดียว วิดีโอต่อไปนี้จะเป็นวีดีโอแนะนำอัพเดตของ Google Translate ที่ทำประกอบเพลง La Bamba...

Continue reading

การเพิ่มตารางนัดหมายผ่านอีเมล์

เมื่อมีผู้ส่งอีเมล์มา เพื่อบอกวันที่ต้องการสร้างการนัดหมาย หรือวันที่อยากชวนทำกิจกรรมอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ invite จากปฏิทินโดยตรง คุณสามารถเป็นผู้เพิ่มวันและเวลานั้นลงไปยังปฏิทินของคุณโดยผ่านทางอีเมล์ได้ ซึ่งมีวิธีการทำได้ง่ายๆ ดังนี้ Login เข้าสู่ระบบอีเมล์ G Suite (Google apps for business) แล้วเลือก inbox หรือกล่องข้อมูลขาเข้า แล้วเปิดอีเมล์ขึ้นมา จากนั้นดูที่วันเวลาในเนื้อหาอีเมล์ กดที่วัน หรือเวลานั้น 1ครั้ง เพื่อเริ่มการเพิ่มกิจกรรมลงในปฏิทิน จะมี Pop- up แสดงขึ้นมา เพื่อให้เราแก้ไขหัวข้อ วันและเวลา ซึ่งค่าเริ่มต้น จะนำชื่อเรื่องของอีเมล์มาเป็นชื่อกิจกรรมหรือเหตุการณ์ในปฏิทิน ส่วนวันและเวลานั้นก็จะนำมาจากเนื้อหาในอีเมล์ จากนั้นกดปุ่ม “Add to calendar” เพื่อเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์นี้ลงในปฏิทินของคุณ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย *** หมายเหตุ: ผู้รับเมลล์จะสามารถเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฏิทินได้นั้น ผู้ส่งอีเมล์จะต้องระบุวันและเวลา เป็นภาษาอังกฤษ เช่น Monday, on Monday about 10.00 AM เป็นต้น และเมื่อผู้รับอีเมล์ทำการเพิ่มกิจกรรมหรือเหตุการณ์ลงปฎิทิน Google จะเลือกวันที่ใกล้วันปัจจุบันมากที่สุดเป็นค่าเริ่มต้นให้ เช่น วันนี้เป็นวันอังคารที่10 มิถุนายน 2556 ถ้าได้รับอีเมล์มีเนื้อหาว่า Let’s meeting on Tuesday ค่าเริ่มต้นจะเป็นวันอังคารสัปดาห์ถัดไป คือ วันอังคารที่17 มิถุนายน 2556 นั้นเอง บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการ G Suite ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ตัวแทน Google ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ โทร!  02-675-9371  092-262-6390  097-008-6314 (ฝ่ายขาย)  support@dmit.co.th Official LINE...

มีอีเมล์บริษัทโดเมนตัวเอง ง่ายนิดเดียว

สืบเนื่องจากงานสัมมนาที่ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ร่วมกับกูเกิ้ล (Google) เมื่อปลายเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา มีท่านผู้ประกอบการหลายท่านได้สอบถามว่าตอนนี้ใช้อีเมล์แบบฟรีอยู่คือใช้เป็นชื่อบริษัทแล้วตามด้วย @gmail.com หรือ @yahoo.com หรือ @hotmail.com หรือที่มีอีกแบบคือใช้ชื่อตัวเองแล้วตามด้วยโดเมนฟรีทั้งหลาย ปัญหาที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านรับทราบร่วมกันคือการทำธุรกิจแต่ใช้โดเมนอีเมล์แบบฟรีดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ เพราะว่าโดเมนเนมของตัวเองเปรียบเหมือนการเอาใจใส่หน้าบ้าน ว่าง่ายๆ เปรียบเหมือนป้ายชื่อบริษัทเราถ้าทำไม่ดี เอากระดาษ A4 มาแปะแล้วเขียนชื่อ ความน่าเชื่อถือก็หายไปทันที เพราะการมีโดเมนตัวเองนั่นหมายถึงการพิสูจน์ตัวตนมาระดับหนึ่ง คำถามที่ผู้ประกอบการหลายท่านมักจะถามว่าอยากอีเมล์โดเมนตัวเองจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะไม่รู้วิธีจะทำอย่างไร ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้ครับ ขั้นตอนที่ 1 : จดโดเมนเนม (Domain Name) ก่อน การมีโดเมนก็เหมือนการมีเลขที่บ้านเป็นของตัวเอง ใครผ่านไปผ่านมาก็จะรู้ว่า อ๋อ นี่คือบ้านจริงๆ นะ มีตัวตน มีทะเบียนบ้าน คล้ายๆ กับการที่เราไปจดทะเบียนการค้านะครับ คนที่มาซื้อของกับเราก็จะเชื่อถือ เพราะการจดโดเมนโดยเฉพาะโดเมน .co.th เราต้องมีการยืนยันตัวตนไม่มากก็น้อย ซึ่งการมีโดเมน .co.th นี่ชัดเจนเลยว่าต้องเป็นบริษัทอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ใครที่มาเถียงบอกว่าไม่จริงหรอก ทำไมต้องจดทะเบียนการค้าหรือมีโดเมนตัวเอง ก็ลองดูไปเสนอสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้ารายใหญ่ๆ หรือขยายช่องทางการขายแบบ mass ดูนะครับแล้วท่านจะเข้าใจ หลังจดโดเมนเนมท่านก็จะมีเลขที่ต่างๆ หลังบ้านที่บอกว่าโดเมนของเราเบอร์อะไร จะให้เว็บไซต์เราชี้ไปที่เบอร์อะไร และอีเมล์คืออะไร ค่าใช้จ่ายไม่แพงหลักร้อยบาทเท่านั้น ขั้นตอนที่ 2 : มีข้อมูลหน้าบ้านบนเว็บไซต์และอีเมล์เท่ห์ๆ ถึงขั้นนี้เราต้องร้องเฮเพราะเรามีโดเมนตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทีนี้อยากมีเว็บไซต์กับอีเมล์ตัวเองบ้างที่เป็น www.mydomain.com และอีเมล์ somchai@mydomain.com จะทำได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสองเรื่องนี้ต้องแยกกันนะครับ การมีเว็บไซต์ตัวเองเราเปรียบเหมือนกับเราเอาบ้านเลขที่เราไปแขวนหน้าบ้าน ว่าแต่บ้านเราอยู่ไหนครับ ก็มีสองวิธีคือ 1 ซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์มาเอง (ปลูกบ้านเอง) อันนี้วุ่นวายมากสำหรับมือใหม่ ไม่แนะนำ กับวิธีที่ 2 คือ เช่าพื้นที่กับผู้ให้บริการโฮสติ้ง (เช่าบ้านเค้าอยู่ จ่ายค่าเช่ารายปี) ค่าเช่าจ่ายก็แล้วแต่ขนาดความกว้างของบ้านมีตั้งแต่สามพันจนถึงมากกว่านั้น ซึ่งโดเมนเราก็ต้องบอกกับคนทั่วโลกด้วยการใส่ตัวเลขในระบบโดเมนในขั้นแรกว่าเว็บเราบ้านเลขที่เท่าไหร่ (แต่ถ้ายังไม่อยากมีเว็บไซต์ตัวเอง ก็ข้ามไปขั้นตอนที่ 3 นะครับ) ซึ่งโดยปกติถ้าเช่าเว็บโฮสติ้งเค้าจะมีฟรีอีเมล์มาให้ด้วยที่เป็นโดเมนตัวเอง somchai@mydomain.com แบบฟรีๆ แต่แบบที่ทราบกันครับว่าของฟรีของแถมต้องทำใจกับความเสถียรและข้อจำกัด...

Continue reading