Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

How to ใช้ Google Drive เพื่อการทำงานร่วมกันกับทีม

หากใครที่กำลังจะเริ่มทำงานเป็นทีมอยู่นั้น ลองดู How to ใช้ Google Drive เพื่อการทำงานร่วมกันกับทีมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย 5 วิธีง่าย ๆ ดังนี้  1. เริ่มจากอัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ใน Google Drive เริ่มต้นง่าย ๆ เพียงคลิกที่ปุ่ม “New” เพื่ออัปโหลดไฟล์หรือโฟลเดอร์ (สามารถรองรับไฟล์ได้มากกว่า 100 ประเภท รวมถึงไฟล์ Microsoft Offices) หรือจะลากและวางไฟล์ลงในไดรฟ์ได้โดยตรง โดยที่ไฟล์ทุกอย่างที่อัปโหลดลงไปจะอยู่บนคลาวด์และซิงค์กับทุกอุปกรณ์ของคุณแบบอัตโนมัติ  2. สร้าง Shared Drive เพื่อให้ทีมเข้าถึงข้อมูล ทางด้านซ้ายของหน้าต่างจะเห็นว่ามีไอค่อนสำหรับ Shared Drive (มีเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน Google Workspace แพคเกจ Business และ Enterprise เท่านั้น) ซึ่งเอาไว้สำหรับให้ทีมของคุณนั้นสร้าง แก้ไข อัปโหลดหรือแชร์ไฟล์ร่วมกันนั่นเอง ทำให้ทุกคนในทีมเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ๆ ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้งานรันต่อได้ไม่มีสะดุด  3. สื่อสารและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ในทีมของคุณสามารถดูการอัปโหลดไฟล์ สร้าง หรือแก้ไขเอกสารอย่าง Docs, Sheets, Slides ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึงคอมเมนต์งานไม่ว่าจะเป็นไฟล์ PDF หรือรูปภาพ และสามารถแท็กคนในทีมให้มาแก้ไขหรือแชร์คอมเมนต์ก็ทำได้ ทั้งนี้ทุกการคอมเมนต์ก็จะแจ้งเตือนไปยังอีเมลของคุณอย่างทันที  และทุกการทำงานจะเห็นเอกสารที่ถูกแก้ไขหรืออัปเดตไปพร้อม ๆ กัน 4. ไฟล์ Microsoft Office ก็ทำงานร่วมกับไดร์ฟได้ คุณรู้หรือไม่ว่าในไดรฟ์สามารถซัพพอร์ตไฟล์ได้ถึง 100 ประเภท ซึ่งก็รวมไฟล์ Microsoft Office อยู่ด้วย โดยที่ไม่ต้องแปลงไฟล์ สามารถอัปโหลดเพื่อแชร์ให้กับทีม และแก้ไขงานร่วมกันได้ทันที ซึ่งรูปแบบเอกสารข้างในก็ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้อีกด้วย  5. ไม่ต้องห่วงเรื่องย้อนกลับไป ดูการแก้ไขได้นาทีต่อนาที ไม่ต้องห่วงเรื่องการแก้ไขแล้วกลับไปยังข้อมูลเดิมไม่ได้ ในไดร์ฟที่เก็บข้อมูลในระบบคลาวด์สามารถย้อนดูประวัติการแก้ไขได้ และดูได้ว่าใครแก้ไขอะไรไปนาทีต่อนาที หรือจะกู้คืนไฟล์ก็ไปย้อนดูที่ Trash ของไดร์ฟได้  Google Drive จะช่วยให้ทีมของคุณทำงานร่วมกันได้เร็วขึ้น ด้วยวิธีง่าย...

Continue reading

5 สุดยอดเคล็ดลับใน Gmail

5 สุดยอดเคล็ดลับใน Gmail ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และเคล็ดลับเหล่านี้จะปลดล็อกฟังก์ชันการทำงานที่รวดเร็วให้กับการส่งอีเมลของคุณ 1. ตั้งเวลาส่งอีเมล (Schedule an Email) บางครั้งคุณต้องการส่งข้อความอีเมลหลังจากที่คุณเขียน สิ่งที่คุณสามารถทำได้ คือ การเปิดใช้คุณสมบัติการตั้งเวลาส่งอีเมล ( Schedule send ) ซึ่งวิธีนี้อีเมลจะถูกส่งตามวัน เวลาที่คุณกำหนดไว้ 2. ยกเลิกอีเมลที่ส่งไปแล้ว (Undo Send an Email) คุณเคยส่งอีเมลไปผิดหรือลืมแนบไฟล์หรือไม่? หนึ่งในเคล็ดลับ Gmail ของเราคือ การยกเลิกการส่งอีเมลโดยใช้ฟีเจอร์ Undo Send  ซึ่งสามารถลบอีเมลที่ส่งออกไปแล้วโดยตั้งเวลาให้ยกเลิกได้เริ่มต้นที่ 5 วินาที นานสุด 30 วินาที  3. ตอบกลับอีเมลอัตโนมัติ (Vacation Responder) อีกฟีเจอร์หนึ่ง คือ ฟังก์ชันตอบกลับอัตโนมัติ (Vacation Responder) ตามระยะเวลาที่กำหนด คุณสามารถตอบกลับโดยอัตโนมัติไปยังผู้ส่ง วิธีนี้จะช่วยในกรณีที่คุณไม่ว่างตอบกลับข้อความระยะเวลาหนึ่ง 4. คัดกรองอีเมลสแปม (Use a Spam Filter) Spams อาจเป็นหนึ่งในข้อความอีเมลที่น่ารำคาญที่สุดในกล่องจดหมายของคุณ โชคดีที่ Gmail ย้ายอีเมลที่เป็นสแปมไปยังโฟลเดอร์สแปมของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่ถูกรบกวน การตั้งค่าตัวกรองสแปม (Customize Spam Filter) ในแบบของคุณจะทำให้ Gmail ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น  5. แจ้งเตือนอีเมลภายหลัง (Snooze Gmail notifications) เมื่อคุณได้รับอีเมลจำนวนมากเกินไป Gmail Snooze จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอีเมลให้แจ้งคุณทางอีเมลในเวลาที่คุณต้องการเท่านั้น สามารถติดตามและเรียนรู้ฟีเจอร์อื่น ๆ ของ G Suite ได้ที่นี่ G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

ดึงข้อมูลที่ต้องบันทึกซ้ำ ๆ ด้วยฟังก์ชัน Filter และ Match บน Google Sheets

หากใครที่มีการทำงานในลักษณะที่ต้องบันทึกข้อมูลแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้เราต้องเสียเวลาในการบันทึกข้อมูลไปมากในแต่ละครั้ง และมีโอกาสผิดพลาดได้สูง วันนี้ทาง Demeter ICT มีเทคนิค Google Sheets มาแชร์สำหรับการสร้างลิสต์รายการเพื่อใช้ในการดึงข้อมูลตามรายการที่เราเลือกโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาในการบันทึกข้อมูลเดิม ซ้ำ ๆ อีกต่อไป โดยฟังก์ชันที่ใช้มีเพียงแค่บรรทัดเดียวเท่านั้น ตัวอย่างชุดข้อมูลที่บันทึกยอดขายสินค้าของพนักงานแต่ละคน  ข้อมูลชุด A เป็นข้อมูลเดียวกันกับข้อมูลชุด B ซึ่งหากเป็นการบันทึกในรูปแบบปกติที่ไม่มีการดึงข้อมูล ในส่วนของข้อมูลชุด A จะต้องบันทึกข้อมูลทั้งหมด 4 ช่อง ด้วยกัน คือ Categories, Cost, Price, และ Margin ทำให้ต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก และโอกาสผิดพลาดสูง ดังนั้น เราจะแนะนำวิธีการดึงข้อมูลจากรายการที่เราเลือก โดยใช้ฟังก์ชัน Filter และ Match บน Google Sheets โดยทั้ง 2 ฟังก์ชัน จะมีโครงสร้าง ดังนี้ FILTER(range, condition1, )MATCH(search_key, range, ) ขั้นตอนที่ 1 เราต้องสร้างลิสต์รายการขึ้นมาก่อน โดยจะนำข้อมูลชุด B มาสร้างเป็นลิสต์รายการ ในส่วนของข้อมูลชุด A โดยมีวิธีการสร้าง ดังนี้ คลิกขวาช่องที่ต้องการทำลิสต์รายการ > เลือก Data validation ในส่วนของ Criteria ช่อง 1 กำหนดเป็น List from a range ช่อง 2 คลิกที่สี่เหลี่ยมท้ายช่อง จากนั้น เลือกข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างลิสต์รายการ เป็นอันเสร็จสิ้นในขั้นตอนที่ 1  ในขั้นตอนถัดไปจะพาทุกท่านไปดูวิธีการดึงข้อมูล ซึ่งเป็นจุดสำคัญในบทความนี้ ขั้นตอนที่ 2 เราจะทำการดึงข้อมูลจากรายการที่เลือกขึ้นมาแสดง จากชุดข้อมูลตัวอย่างจะเห็นว่า เมื่อเลือก Apple Care จะทำการดึงชุดข้อมูลฝั่งขวามือทันที โดยใช้ฟังก์ชัน Filter...

Continue reading

ฟีเจอร์ลับ! Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด

ฟีเจอร์ลับ Google Docs ที่คุณไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาทั้งเอกสาร สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง แปลงข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือ หรือทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้พร้อมกันสูงสุด  100 คน! 1. แปลภาษาได้ทั้งเอกสาร คุณรู้หรือไม่ว่า Google Docs สามารถแปลเอกสารของคุณได้ทั้งหมด เพียงแค่กด Tools > Translate Document เลือกภาษาที่ต้องการ เพียงเท่านี้เอกสารของคุณทั้งหมดก็จะกลายเป็นภาษานั้น ๆ ปรับอีกนิดหน่อยก็จะได้งานแปลแบบ  สวย ๆ  ถือว่าเป็นการรวมฟีเจอร์ Google Translate ไว้ใน Docs เพื่อที่ง่ายต่อการทำงานนั่นเอง 2. สั่งพิมพ์งานด้วยเสียง คุณสามารถสั่งให้ Google Docs พิมพ์งานโดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เองให้เมื่อยมือใด ๆ โดยกดที่ Tools > Voice Typing หรือ Ctrl + Shift + S เลือกภาษาและพูดประโยคที่ต้องการจะพิมพ์ลงไป เพียงเท่านี้ Google Docs ก็จะพิมพ์ตามที่คุณพูด ถือว่าสะดวกสุด ๆ  3. เปลี่ยนข้อความในภาพเป็นตัวหนังสือใน Docs เข้าไปที่ Google Drive เลือกภาพที่ต้องการจะแปลงเป็นตัวหนังสือ คลิกขวา > Open With > Google Docs คุณก็จะได้ข้อความในภาพมาเป็นตัวหนังสือใน Docs ไม่ต้องเปิดไฟล์แล้วพิมพ์ตามให้เสียเวลา  4. เสิร์ชข้อมูลและหาภาพในกูเกิ้ลได้ไม่ต้องสลับหน้าต่าง หากคุณกดปุ่ม Explore ที่อยู่มุมขวาล่าง คณจะสามารถเสิร์ชข้อมูลจาก Google ได้โดยตรง แค่คุณพิมพ์คำที่ตรงการจะเสิร์ชลงไปและกดที่ WEB จะขึ้นข้อมูลต่าง ๆ ใน Google และสามารถเลือกรูปที่ IMAGES เพื่อแทรกลงในเอกสารได้เลยทันที ไม่ต้องกดเซฟ ไม่ต้องสลับหน้าต่างให้ยุ่งยากอีกต่อไป 5. ตรวจคำผิดด้วย Spelling and Grammar...

Continue reading

ทริคการใช้ Google Calendar ที่คุณอาจจะยังไม่รู้

Google Calendar กำลังเป็นที่นิยมของหลาย ๆ องค์กรที่ใช้ในการนัดหมายประชุม บางท่านก็ใช้งานเป็นประจำ ส่วนบางท่านก็พึ่งเริ่มใช้ ซึ่งเราจะมาแนะนำเทคนิคและทริคดี ๆ ด้วยกัน 5 ทริค ในการใช้งาน Google Calendar ซึ่งบางท่านก็อาจจะยังไม่รู้และไม่เคยใช้ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Google Calendar เราไปดู ทริคการใช้ Google Calendar ที่คุณอาจจะยังไม่รู้ กันเลย! 1. Drag & Drop สร้างการนัดหมาย คุณสามารถสร้างการนัดหมายแบบรวดเร็วได้ด้วยการลากและวางเม้าท์ในวันที่คุณอยากจะทำการนัดหมาย หรือต้องการย้ายการนัดหมายไปวันอื่น ๆ ก็ทำได้ด้วยการลากไปวางในวันที่ต้องการ  2. Keyboard Shortcuts ปุ่มลัดใช้ใน Calendar  คุณรู้หรือไม่? ว่าเราสามารถใช้ปุ่มลัดใน Google Calendar เพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยการกดที่แป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ          – ดูวัน อาทิตย์ หรือเดือนก่อนหน้า     K หรือ P          – ดูวัน อาทิตย์ หรือเดือนถัดไป         J หรือ N           – กลับมาวันปัจจุบัน                     T           – สร้างการนัดหมาย          ...

Continue reading

4 ทริค! เพิ่มการทำงานแบบ Productive ด้วย G Suite

หลาย ๆ ท่านคงจะเคยได้ยินการทำงานแบบ Productive มาบ้างแล้ว ซึ่งในการทำงานแบบนั้นคืออะไร เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังกันสักนิดนึง   การทำงานแบบ Productive คือ การทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไม่หักโหมให้ได้งานปริมาณเยอะ ๆ แต่เป็นการทำงานที่ให้ได้งานที่มีคุณภาพเหมาะสมตามเวลานั่นเอง เกิดมาจากการจัดการ การวางแผน ลำดับความสำคัญงานในแต่ละวัน และการทำงานแบบนี้ ไม่ได้หมายถึงว่าเราสามารถจัดการเวลางานได้เพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการจัดการด้านอื่น ๆ เช่น เวลาครอบครัว เวลาพักผ่อน ได้ดีอีกด้วย  ซึ่งวันนี้เรามี 4 ทริคที่จะช่วยให้การทำงานของคุณมี Productive มากขึ้น ด้วย G Suite ที่ทุก ๆ ท่านสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้เลยทันที! ทริคที่ 1 การจัดลำดับความสำคัญของงานและเวลา การที่เราสามารถจัดสำดับความสำคัญงานในแต่ละวันได้ จะทำให้เรานั้นสามารถทำงานได้งานเป็นระบบ อาจะเริ่มจากการทำ To-Do-List ในแต่ละวัน หลังจากนั้นเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ก็จะทำให้เราโฟกัสงานและเสร็จไปเป็นอย่าง ๆ แบบมีคุณภาพและเป็นไปตามเวลาที่เรากำหนด  ซึ่งการใช้ Google Calendar เราจะสามารถสร้าง Task ลงในปฎิทินของเราในแต่ละวันได้ สามารถดูตารางนัดประชุมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ได้ และเห็นภาพรวมงานที่เราจะต้องทำในแต่ละเดือนได้ อีกทั้งยังสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราบริหารเวลาในการทำงานได้ดีมากขึ้น ทริคที่ 2 Brainstorm หรือแชร์ไอเดียงานร่วมกับทีม ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันจะต้องมีการทำงานร่วมกันในหลาย ๆ ฝ่ายเพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพหรือบูรณาการ ซึ่งการมีเครื่องมือที่ดี ที่สะดวกสบาย สามารถแชร์ แก้ไข หรือ Feedback เอกสารได้แบบเรียลไทม์ ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการโหลดไฟล์ ก็จะสามารถ Support การทำงานร่วมกันได้อย่าง Productive มากขึ้น Google Docs, Sheets, Slides สามารถทำแบบนั้นได้ และทำงานสูงสุดถึง 100 คน ที่ Active พร้อมกัน โดยมีรายละเอียดในการติดตามชัดเจนว่าใครแก้ไขและเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง ยืดหยุ่นต่อการทำงานอีกด้วย    ทริคที่ 3 ติดต่อสื่อสารกับคนในองค์กรให้ง่ายและเข้าใจตรงกัน หลาย ๆ ครั้งที่เราจะต้องนัดประชุมหรือคุยงาน แล้วหากเราฟังมาไม่เข้าใจมากพอหรือเข้าใจผิด...

Continue reading

Android ใช้โหมด Dark Theme ใน Docs, Sheets และ Slides ได้แล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ Google ได้อัพเดตระบบการทำงานใน Google Docs, Sheets และ Slides ที่สามารถใช้โหมด Dark Theme ในระบบ Android ได้แล้ว ซึ่งตอนนี้ยังปล่อยให้อัพเดตเฉพาะระบบนี้เท่านั้น และคาดว่าระบบ IOS ก็คงจะปล่อยให้อัพเดตกันตามมาติด ๆ  ในโหมด Dark Theme นี้จะสามารถปรับ Interface และการใช้งานได้อย่างชาญฉลาด! โดยเฉพาะการทำงานที่มีสภาพแวดล้อมแสงน้อย ถ้าใช้โหมดนี้ก็จะทำให้การทำงานของคุณนั้นง่ายมากขึ้น  อีกทั้งยังประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย Docs, Sheets, and Slides ในโหมด Dark Theme  การตั้งค่า สำหรับใน Android ถ้ามีการเปิดใช้งาน Dark Theme อยู่แล้ว Google Docs, Sheets และ Slides ก็จะปรับเข้าสู่โหมด Dark Theme แบบอัตโนมัติ หรือคุณสามารถเปิดหรือปิดโหมดนี้ได้อย่างอิสระเพียงตั้งค่าในแอป และขั้นตอนในการเปิดโหมดนี้นั้นก็ง่ายมาก โดยมีวิธีการตั้งค่า ดังนี้ เปิดแอป Google Docs, Sheets, Slides ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ กดที่เมนู มุมบนซ้าย เลือก Setting เลือก Choose theme จากนั้นเลือก Theme ที่ต้องการ เช่น Dark, Light หรือ System defaut การดูตัวอย่างเอกสารหรือชีตในโหมด Light Theme หากคุณเปิดใช้ Dark Theme การกดดูตัวอย่างเอกสารหรือชีตของคุณก็จะเป็นโหมด Dark Theme แบบอัตโนมัติ แต่คุณสามารถดูตัวอย่างเอกสารว่าจะแสดงอย่างไรในรูปแบบ Light Theme ได้ ดังนี้ เปิดแอป Google Docs, Sheets, Slides ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ เปิดเอกสารหรือชีตที่คุณต้องการจะดู...

Continue reading

สร้าง Dashboard ออนไลน์แสนง่าย ด้วย Data Studio

ผ่านมาแล้วครึ่งปี หลาย ๆ ท่านอาจจะต้องรวบรวมข้อมูลการทำงานที่ผ่านมาแล้วสรุปรายงานต่าง ๆ ให้เจ้านายได้วิเคราะห์ข้อมูลกัน ใช้เวลาหมดไปเป็นวัน ๆ กับการเตรียมข้อมูลจากระบบในองค์กรที่หลากหลาย รวมทั้งข้อมูลตารางจาก Excel ที่แต่ละแผนกได้จัดทำและเราต้องมานั่งรวบรวมข้อมูล จับสูตรใส่ลงไปเพื่อให้ข้อมูลได้ผลมาตามต้องการ รวมถึงการสร้างกราฟแสดงผลสรุปข้อมูลส่งให้เจ้านายของคุณได้เอาไปดูกันอย่างง่ายดาย ในการสร้างรายงานประจำปี รายงานประจำเดือน หรือรายงานประจำวัน คงปฏิเสธไปไม่ได้ที่จะมีการเก็บข้อมูลแบบ spreadsheet ไว้ เพราะการจัดการข้อมูลที่สะดวก มีสูตรช่วยการคำนวณที่รวดเร็ว และยังนำข้อมูลไปสร้างกราฟได้ไม่ยากมากนัก หากท่านมีการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้อยู่แล้วนั้น การปรับเปลี่ยนเครื่องมือในการสร้างกราฟข้อมูลก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป Data Studio อีกหนึ่งเครื่องมือของ Google ที่ช่วยในการสร้างกราฟแสดงผลข้อมูลแบบ interactive ที่ท่านสามารถเลือกกรองข้อมูลที่ต้องการได้ด้วยตนเอง สามารถสร้างให้แสดงผลลัพธ์จากหลายแหล่งที่มา มารวมกันที่เดียว ทำให้การติดตามการเคลื่อนไหวของข้อมูลมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถสนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบ collaboration ที่ให้ท่าน เพื่อนร่วมงาน และเจ้านายหรือหัวหน้าของท่านใช้กราฟสรุปผลข้อมูลเดียวกันได้ การใช้งาน Data Studio ด้วยวิธีการ 3 ขั้นตอน ทำได้ดังนี้ เตรียมไฟล์ข้อมูลบน Google Sheets (ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลตัวอย่างได้ที่นี่ คลิก) เปิดโปรแกรม Google Data Studio (datastudio.google.com) แล้วเลือก สร้างรายงาน (Create report)  กำหนดแหล่งข้อมูลของท่าน (Create New Data Source) เลือกการเชื่อมต่อข้อมูลจาก Google Sheets แล้วเลือกชื่อไฟล์ข้อมูลของท่าน พร้อมทั้งเลือกชื่อแผ่นงาน (Workbook) ที่ท่านต้องการ Data Studio จะทำการอ่านข้อมูลใน Spreadsheet ของท่าน และได้สร้างข้อมูลชุดใหม่บน Data Studio ท่านสามารถตรวจสอบ หรือแก้ไขชื่อหัวข้อของข้อมูลตามที่ท่านต้องการได้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเลือก Add to Report เมื่อท่านเชื่อมต่อกับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว การนำไปใช้งานอยู่ที่ความเหมาะสม และความสวยงามได้เลย เครื่องมือที่ท่านควรรู้ไว้ ประกอบด้วย Add Chart จะรวบรวมประเภทของการแสดงผลข้อมูลไว้ ท่านสามารถเลือกการแสดงผลที่ต้องการ แล้วกำหนดการเชื่อมต่อข้อมูลตรงส่วน Data (ด้านขวา)...

Continue reading

เพิ่มความปลอดภัยของบัญชีอีเมล ด้วยการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน (2 Step Verification)

2 Step Verification คืออะไร ? 2 Step Verification หรือการยืนยันตัวตนในการลงชื่อเข้าใช้บัญชีอีเมลแบบ 2 ขั้นตอน คือ การใส่รหัสผ่านในขั้นตอนแรก หลังจากนั้นระบบจะมีการส่งรหัสไปยังโทรศัพท์มือถือที่ได้ทำการลงทะเบียนไว้ และนำรหัสนั้นมาใส่อีกครั้งเป็นขั้นตอนที่ 2 หากถูกต้อง เราจะสามารถเข้าใช้งานบัญชีอีเมลได้ ซึ่งมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง มักจะใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ หรือผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยของบัญชี เพราะหากมีผู้ไม่หวังดีแอบรู้รหัสผ่านก็จะสามารถเข้าถึงบัญชีและข้อมูล ทั้งหมดได้ทันที แต่หากเราเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ จะทำให้เรารู้ทันทันว่ามีใครแอบเข้าบัญชีอีเมลเราหรือไม่ นั่นเป็นที่มาของคำว่า  “การยืนยัน 2 ขั้นตอน”  แต่ในทางกลับกัน ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปิดใช้ เนื่องจากมีความยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องนำรหัสที่ได้รับมาพิมพ์เองอีกครั้ง คล้ายกับเวลาเราได้รับ OTP จากธนาคารนั่นเอง โดยทาง Google ได้เล็งเห็นปัญหานี้ จึงออกแบบระบบมาใหม่เพื่อที่จะทำให้บัญชีของเราได้รับการป้องกันอย่างปลอดภัย และยังใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น  ออกแบบการใช้งานใหม่ ปลอดภัยยิ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป หากเราเปิดใช้งาน การยืนยันบัญชีแบบ 2 ขั้นตอน (2 Step Verification) จากเดิมเราต้องใส่รหัสผ่านขั้นที่ 1 และใส่รหัสที่ได้รับทางโทรศัพท์มือถือ เป็นขั้นตอนที่ 2 บางคนอาจจะมองว่ายุ่งยากเกินไป  โดยทาง Google ได้มีการปรับปรุงการใช้งานให้มีความง่ายขึ้น ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ใส่รหัสผ่าน และจะได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ที่ทำการลงทะเบียนไว้  ขั้นตอนที่ 2 เลือกคำตอบตามหน้าจอที่ได้มีการถามให้ถูกต้อง  เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเข้าบัญชีอีเมลของเราได้ ซึ่งจะสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะกดเพียงไม่กี่ปุ่ม แทนการนำรหัสหลายๆ ตัวมาใส่ และที่สำคัญไปกว่านั้นบัญชีของท่านก็ยังปลอดภัยขึ้นอีกระดับ แนะนำให้คนที่ผูกบัญชีอีเมลกับทางธนาคาร หรือรับส่งอีเมลที่มีความลับ  ดูเพิ่มเติม ได้ที่ เปิดใช้งานการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน  G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...