ก่อนจะเข้าเรื่องต้องขอเกริ่นก่อนว่าคน Gen Z นั้นคือคนที่เกิดปีพ.ศ. 2538 – 2552 ซึ่งหลายๆ องค์กรอาจจะเคยทำงานร่วมกันกับคน Gen นี้มาบ้างแล้ว และอาจสงสัยว่าทำไมคน Gen นี้ส่วนมากจะทำงานกับองค์กรได้ไม่นาน เปลี่ยนงานบ่อย จนทำให้หลายๆคนคิดว่าคน Gen นี้ไม่มีความอดทนเอาซะเลย แต่จริงๆแล้วคน Gen นี้ไม่ได้ความอดทนต่ำแต่อย่างใด แต่ทว่าเขานั้นเกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย ชอบความสะดวกรวดเร็ว และชอบเรียนรู้บนโลกออนไลน์ซะส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คน Gen Z ต้องการทำงานกับองค์กรที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
ทำไมทำงานกับคน Gen Z ถึงยากนัก?
สำหรับองค์กรในประเทศไทยนั้นพนักงานส่วนใหญ่จะมีอายุค่อนข้างมากและยึดติดกับระบบการทำงานแบบเดิมๆ เคยทำงานแบบไหนก็จะทำแบบนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ตัวอย่างเช่น หากคุณเคยทำงานบนกระดาษหรือโปรแกรมใดๆที่คุณเคยใช้ คุณก็จะไม่เปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นก็ตาม ซึ่งเหตุผลก็เพียงเพราะคุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นยากที่จะเรียนรู้และคุณคุ้นชินกับระบบแบบเดิมมากกว่า แต่หากมองในมุมคน Gen Z เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย คนรุ่นนี้ต้องการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นหากจะตอบคำถามที่ว่าทำไมคนรุ่นนี้ถึงทำงานกับองค์กรได้ไม่นาน ก็คงต้องย้อนกลับไปว่าองค์กรของคุณมีเทคโนโลยีที่จะซัพพอร์ตการทำงานให้คนรุ่นใหม่ในยุคสมัยนี้แล้วหรือยัง?
เครื่องมือเทคโนโลยีแบบไหนที่จะช่วยให้การทำงานกับ Gen Z ง่ายขึ้น?
Kahoot Gen Z in the workplace report.
จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ต้องการทำงานบนโทรศัพท์ สื่อออนไลน์ วิดีโอ และผ่านโซเชียลมีเดียเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนนั้นต้องการอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ว่าจะต้องใช้อุปกรณ์ส่วนตัวอย่างเช่นโทรศัพท์ก็ตาม การทำงานบนสื่อหรือแอปพลิเคชันออนไลน์ก็มีความต้องการใช้งานสูงไม่แพ้กัน ณ ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันหลากหลายให้เลือกใช้ จะรู้ได้อย่างไรว่าแอปไหนดีที่สุด ซึ่งคำตอบก็คือแอปพลิเคชันที่มีฟังก์ชันครบ ใช้งานง่าย เหมาะกับทุกวัย เช่น Google Workspace ซึ่งนับว่าเป็นแอปพลิเคชันหนึ่งที่ใช้งานง่ายมากๆ ตอบโจทย์การทำงานหลากหลายรูปแบบ เพราะใน Google Workspace นั้นจะมีแอปพลิเคชันย่อยอีกมากมายแบ่งตามการใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงได้ตลอดทุกที่ ทุกเวลา และบนทุกแพลตฟอร์มอีกด้วย
สำหรับการทำงานหรือเรียนรู้ผ่านวิดีโอ คนสมัยนี้ชอบการเห็นภาพและการได้ยินเสียงไปพร้อมกันเพราะจะทำให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้นๆและทำให้เขาจดจำเนื้อหาของวิดีโอเหล่านั้นได้มากและง่ายขึ้นกว่าเดิม ง่ายกว่าการศึกษาจากหนังสือด้วยตัวเองหลายเท่า
การใช้โซเชียลมีเดียก็ยังคงมีความนิยมอยู่ไม่น้อยเช่นกัน จะเห็นได้จากการที่หลายๆ องค์กรใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อในการพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น Facebook และ Instagram ซึ่งสามารถเรียกสื่อเหล่านี้ว่าเป็นหน้าบ้านขององค์กรแทนเว็บไซต์เลยก็ว่าได้ การที่องค์กรเลือกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆสื่อสารนั้นจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากว่าคน Gen Z นี้ชอบตามเทรนด์บนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ หากมีอะไรอัปเดตเขาจะให้ความสนใจทันที ก็เปรียบเสมือนการอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์นั่นแหละ แค่ยุคสมัยเปลี่ยน ผู้คนจึงเปลี่ยนมาตามติดเรื่องต่างๆบนสื่อออนไลน์แทน เพราะเหตุนี้จึงทำให้องค์กรต้องหันมาโฟกัสเรื่องการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น
จากที่กล่าวมาด้านบนจะเห็นได้ว่า การทำงานแบบออนไลน์หรือบนสื่อออนไลน์นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นเลย โลกเปลี่ยน ผู้คนเปลี่ยน องค์กรก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเช่นเดียวกัน เริ่มต้นง่ายๆจากการทำงานด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีที่จะเป็นตัวกลางที่ช่วยทำให้การทำงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการมีเครื่องมือที่ดีนั้นจะช่วยในการพัฒนาองค์กรให้ก้าวทันยุคสมัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต เหมือนกับ DMIT ที่มีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทำให้คนในองค์กรทำงานร่วมกันได้ง่าย สะดวก และครบทุกฟังก์ชันด้วย Google Workspace