วิธีเชื่อมต่อ Facebook กับ Zendesk รับเรื่องและตอบกลับในที่เดียว

อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่พลาดไม่ได้ของ Zendesk ก็คือการรวบรวมการติดต่อสื่อสารของลูกค้าจากทุกช่องทาง เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและบริหารจัดการลูกค้าทั้งหมดได้ในหน้าแพลตฟอร์มเดียวในรูปแบบ Ticket Management ซึ่งระบบ Ticket นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเจ้าหน้าที่ได้รวดเร็วขึ้น ในมุมเจ้าหน้าที่เองก็สามารถรับเรื่องจากลูกค้าที่มาจากหลายช่องทางได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งมอนิเตอร์หน้าโซเชียลมีเดียอื่นหรือเปิดหลายหน้าจอให้วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย สำหรับบทความนี้เราก็มีตัวอย่างขั้นตอนการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง Facebook เข้ากับ Zendesk มาให้ทุกคนได้ดูกัน และหากว่าคุณใช้แพ็กเกจ Zendesk Suite ล่ะก็ คุณจะสามารถเชื่อมเพจได้มากสุดถึง 15 เพจเลยทีเดียว ขั้นตอนการเชื่อมต่อ Facebook กับ Zendesk เข้าไปที่ไอค่อนรูปฟันเฟือง (Admin) บริเวณหัวข้อ Channel เลือก Facebook 2. คลิก Add your first Facebook Page หรือหากกรณีที่คุณมีเพจอื่นที่เชื่อมต่ออยู่แล้ว คลิก add new Page 3. เลือกเพจที่คุณต้องการเชื่อมต่อกับ Zendesk แล้วกด Next 4. พิจารณาว่าจะให้สิทธิ์ Zendesk ในเรื่องใดบ้าง อย่างไรก็ตามหากคุณปิดการให้สิทธิ์การเข้าถึงบางส่วนอาจทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง Facebook กับ Zendesk ไม่สมบูรณ์นัก จึงขอแนะนำว่าเป็น ‘Yes’ ทั้งหมดจะเป็นการดีกว่า จากนั้นกด Done 5. หน้าต่างจะแจ้งว่าขณะนี้คุณได้เชื่อมเพจเข้ากับ Zendesk เรียบร้อยแล้ว กดปุ่ม OK 6. หน้าจอจะเด้งกลับไปยังหน้า Zendesk โดยอัตโนมัติ ครั้งนี้จะปรากฏเพจที่คุณได้ทำการเลือกไว้แสดงขึ้นมาและให้คุณเลือกติ๊กการเข้าถึงต่าง ๆ หลังจากติ๊กเลือกเสร็จแล้วให้กดปุ่ม Add 7. เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน ทีนี้คุณก็เชื่อมต่อเพจ Facebook เข้ากับ Zendesk ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นกดที่ edit แล้วมาดูส่วนของการตั้งค่าเพิ่มเติมอีกสักนิดกัน 8. ในหน้าตั้งค่าจะแบ่งเป็นสองช่วงหลัก ๆ คือ Include Wall posts และ Include private messages คุณสามารถเลือก...

Continue reading

เปิดกรุกรณีศึกษา Zendesk+Ecommerce ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าแบบดิจิทัล

“สิบปีของการปรับใช้ Ecommerce ถูกร่นให้เหลือเพียงสามเดือนในปี 2020” Mckinsey บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการของสหรัฐอเมริกาสรุปวิจัยออกมา เป็นที่คุ้นเคยกันดีในระยะเวลาเกือบสองปีมานี้นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ท่ามกลางการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือแม้แต่การ Work From Home ทำงานที่บ้าน พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ก็ได้ส่งผลให้อีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ  หลายแบรนด์อีคอมเมิร์ซเองจึงได้เริ่มมองหาวิธีสร้างความแตกต่างให้ตัวเองโดดเด่นมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดนั้นก็คือการส่งมอบประสบการณ์แบบดิจิทัลที่เหนือล้ำกว่าคู่แข่งให้ได้ และมันก็เป็นจุดนี้เองที่ฟีเจอร์ผสานรวม (Integration) ของ Zendesk ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ แค่ผสานรวมก็ยกระดับประสบการณ์อีคอมเมิร์ซได้ทันที Ecommerce Solution ของ Zendesk นั้นมีให้เลือกตั้งแต่แบบ Pre-built หรือจะใช้ฟีเจอร์ Integration ผสานรวมเข้ากับแพลตฟอร์มอย่าง Shopify, Magento, Narvar และอื่น ๆ อีกมากมายแล้วใช้งานได้ทันทีแบบ Out Of The Box เลยก็สามารถทำได้ แอปพลิเคชันที่ต่อขยายเพิ่มพูนฟังก์ชันการใช้งานตามความต้องการได้นี้เองที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อและช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การบริการตนเองที่ดีกว่าเดิม : ลูกค้าได้รับการซัพพอร์ตที่รวดเร็วผ่านทาง Chatbot สามารถตรวจสอบได้ว่าออเดอร์ของตนอยู่ในลำดับขั้นไหนของการจัดส่ง จะทำเรื่องขอคืนสินค้าหรือคืนเงินก็ทำได้ง่าย ๆ ฝ่ายเจ้าหน้าที่กับประสบการณ์การทำงานที่ดีขึ้น : ฟีเจอร์ Integration ของ Zendesk ช่วยให้เจ้าหน้าที่เห็นทุกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นประวัติการสั่งซื้อหรือสินค้าที่เลือก เจ้าหน้าที่สามารถรับเรื่องได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าจอของ Zendesk เลยแม้แต่น้อย เรามาดูตัวอย่างที่น่าสนใจของ Zendesk + ธุรกิจ ECommerce นี้กัน Spartan Race บูสต์ยอดขายและ CSAT จากการผสาน Zendesk กับ Shopify ในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและมีอุปกรณ์กีฬาเป็นของตัวเอง Spartan Race มีลูกค้าอยู่กว่า 30 ประเทศ เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น Spartan Race ก็ต้องการระบบซัพพอร์ตที่จะช่วยยกระดับการบริการไปได้ทั่วโลก เฉพาะที่สหรัฐอเมริกาที่เดียวทีมซัพพอร์ตของ Spartan Race ก็ต้องรับมือกับคำร้องกว่า 230,000 Tickets และยังมีคำร้องเกี่ยวกับร้านค้าในออนไลน์อีกจำนวนมาก ตอนแรก Spartan Race ใช้วิธีให้เจ้าหน้าที่ล็อคอินเข้าไปในหลาย ๆ...

Continue reading

ลงทะเบียนทดลองใช้ Zendesk ฟรี ทำอย่างไร?

‘Zendesk’ Customer Service Software การันตีความน่าเชื่อถือจากลูกค้ากว่า 170,000 รายในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น Netflix, Bitkub, UNIQLO, Mailchimp หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐในบางประเทศต่างก็ใช้ Zendesk ทว่าแท้จริงแล้ว Zendesk มีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ ยังคงเป็นคำถามที่ใครหลายคนอาจยังไม่เห็นภาพชัดเจนนัก ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการลงทะเบียนขอทดลองใช้ Zendesk Trial ง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน รับรองได้ว่าไม่เกิน 10 นาที คุณก็จะได้รับ Zendesk ไปทดลองใช้ได้ฟรีเลยถึง 14 วัน ขั้นตอนการลงทะเบียนทดลองใช้ Zendesk เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ https://www.dmit.co.th/th/our-services-th/zendesk-th/ จากนั้นคลิก ‘ทดลองใช้ Trial ฟรี’ 2. เข้าสู่ขั้นตอนการลงทะเบียน กรอก Email ของคุณและกดปุ่ม ‘Next’ 3. กรอกชื่อของคุณในช่อง ‘First Name’ และกรอกนามสกุลในช่อง ‘Last Name’ จากนั้นกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ช่อง ‘Phone Number’ แล้วกดปุ่ม ‘Next’ 4. กรอกชื่อองค์กรของคุณและจำนวนพนักงาน คลิกเลือกว่าคุณต้องการใช้ Zendesk ในการจัดการด้านใดระหว่าง 1. จัดการคำร้องด้านการบริการลูกค้า 2. จัดการด้านงานขาย และ 3. ทั้งสองอย่าง จากนั้นกรอกชื่อ Subdomain ที่คุณต้องการใช้ (จะถูกตามด้วย .zendesk.com) หากสามารถใช้ได้จะแสดงเครื่องหมายถูกสีเขียว กดเลือกภาษาซึ่งในที่นี้ค่าเริ่มต้นจะเป็นภาษาอังกฤษ กรอกรหัสผ่านและกดปุ่ม ‘Complete Trial signup’ หลังจากกดปุ่มที่หน้าจอจะแสดงผลดังนี้ 5. ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการยืนยันอีเมล เข้าไปยังกล่องจดหมายอีเมลที่ใช้ลงทะเบียนแล้วกดปุ่ม ‘Verify your account’ 6. ถึงตรงนี้ ที่ Tab หน้าจอของคุณจะปรากฏหน้าต่างเด้งขึ้นมาตาม Subdomain ที่คุณกำหนดไว้ กด ‘Get started’  7....

Continue reading

Live Chat VS Phone Support แบบไหนที่ใช่ ในการบริการลูกค้า?

ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกค้ามีทางเลือกในการติดต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น การเพิ่มช่องทางติดต่อหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอปโซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ อีเมล ไลฟ์แชท ต่างให้ความสะดวกในรูปแบบที่ต่างกันแก่ลูกค้า จากบรรดาทุกช่องทางนั้น ไลฟ์แชทกับโทรศัพท์ถือเป็นทางเลือกที่ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้รวดเร็วมากที่สุด  ทว่า ทั้งไลฟ์แชทกับโทรศัพท์ก็มีรูปแบบการบริการที่ต่างกันอยู่มาก หากไม่ระวังให้ดี แทนที่จะได้ประโยชน์ก็อาจกลายเป็นติดลบได้ ความแตกต่างที่ว่านั้นคืออะไร อะไรคือข้อดีข้อเสียของสองระบบนี้ แล้วแบบไหนที่ควรเลือก ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน Live Chat คืออะไร? Live Chat เป็นช่องทางให้ลูกค้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ทันทีไม่ว่าจะทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน หน้าต่างไลฟ์แชทสามารถตั้งค่าให้เด้งขึ้นมาเผื่อลูกค้ามีข้อสงสัยอยากจะสอบถาม หรือเป็นทางเลือกให้ลูกค้าติดต่อไปด้วยตนเองได้ตามต้องการ  จากรายงาน Customer Experience Trends 2021 ของ Zendesk พบว่าในภาวะวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา Tickets ในช่องทาง Live Chat เพิ่มสูงขึ้นเกือบจะถึง 50% กล่าวได้ว่า 25% ของลูกค้าได้หันมาใช้ช่องทาง Live Chat มากขึ้น เหตุผลสำคัญคือ Live Chat ร่วมกับ AI Chatbot ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมงตลอดเวลา  Chatbot อย่าง Zendesk Answer Bot สามารถตอบกลับลูกค้าได้อัตโนมัติแม้นอกเวลาทำการ แก้ปัญหาสามัญต่าง ๆ หรือแม้แต่เปิดเป็น Ticket เพื่อให้เจ้าหน้าที่มารับช่วงต่อได้ ข้อดี-ข้อเสียของ Live Chat ข้อดี มอบการตอบกลับเชิงรุก ทำงานครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่สามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าหลายคนในเวลาเดียวกัน ปรับขยายฟังก์ชันเพิ่มเติมตามธุรกิจได้ วิเคราะห์ข้อมูลจากแชทของลูกค้าได้ง่าย ข้อเสีย  อาจให้ความรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวนัก  แก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนยาก  ลูกค้าอาจเลือกจะกดปิดทิ้งถ้าเจ้าหน้าที่ตอบกลับช้า หรือถ้ารู้สึกว่ากำลังคุยกับแชทบอท แล้ว Phone Support คืออะไร? แต่ไหนแต่ไรการซัพพอร์ตลูกค้าทางโทรศัพท์ถือเป็นของตายที่ต้องมีทุกบริษัท แม้ปัจจุบันจะมีช่องทางติดต่อที่หลากหลายมากขึ้นให้ลูกค้าเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นการแชทหรือการส่งข้อความ สำหรับลูกค้าระบบบริการทางโทรศัพท์ก็ยังคงเป็นตัวเลือกยอดฮิตและคาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับได้เร็วที่สุดอยู่ดี 62% ของลูกค้าเห็นตรงกันว่าช่องทางแก้ปัญหาที่ชอบที่สุดก็คือทางโทรศัพท์ ทว่าแม้จะเป็นทางเลือกยอดฮิต หากเทียบกับแนวโน้มหลายปีที่ผ่านมาการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าเมื่อก่อนนัก ข้อดี-ข้อเสียของ Phone Support ข้อดี ให้การบริการที่เป็นส่วนตัวแก่ลูกค้า...

Continue reading

รวบรวมฟีเจอร์ Zendesk Suite ทำงานไร้รอยต่อ เพิ่ม CX ให้กับองค์กรชั้นนำ

รวบรวมฟีเจอร์จาก Zendesk ที่ใช้สำหรับองค์กรชั้นนำที่มีลูกค้าจำนวนมากๆ หรือ บริษัทที่ต้องการขยายฐานลูกค้า ซึ่งทุกฟีเจอร์ของ Zendesk Suite จะช่วยกระตุ้นความเติบโตให้ธุรกิจของท่าน ลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน ลดต้นทุน กระตุ้นการขาย เพิ่มประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า...

Zendesk Sell เครื่องมือขาย เพื่อฝ่ายขาย ที่ตอบโจทย์ ‘มากกว่า’ การขาย

หากว่าคุณเป็นพนักงานขายที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการจดข้อมูลลูกค้าล่ะก็ ‘เราเข้าใจคุณ’ หากว่าคุณเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่ไม่รู้จะอัปเดต Sales Pipeline ของพนักงานคนอื่นอย่างไร ‘เราก็เข้าใจคุณเหมือนกัน’ และหากว่าคุณกำลังอ่านบรรทัดนี้ด้วยความต้องการที่จะตามหาเครื่องมืออะไรสักอย่างให้เรื่องยุ่งยากทั้งหมดมันง่ายขึ้นล่ะก็ ‘คุณมาถูกทางแล้ว’ จากแบบสำรวจ 80% ขององค์กรทั้งหมด เห็นตรงกันว่า Zendesk Sell ทำให้ฝ่ายขายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนี่ก็คือเหตุผลใน 4 มุมมองว่าทำไมองค์กรของคุณถึงต้องใช้ Zendesk Sell 📌Zendesk Sell รวมทุกอย่างที่พนักงานขายต้องการ ขึ้นชื่อว่าพนักงานขายก็หัวหมุนพออยู่แล้ว ไหนลูกค้าจะโทรเข้ามา ไหนจะจดบันทึก ไหนจะส่งอีเมล กว่าจะปิดดีลได้ก็ไม่รู้ว่าเผลอละเลยใครไปบ้างหรือเปล่า  หมดยุคที่พนักงานขายจะต้องจดบันทึกลงสมุดโน๊ตที่แสนจะเสี่ยงต่อการทำข้อมูลสูญหายทั้งยังเหนื่อยอย่างไม่จำเป็น ระบบของ Zendesk Sell ให้พนักงานขายสามารถทำงานร่วมกันในหน้าแพลตฟอร์มเดียวแบบเรียลไทม์ ช่วยซัพพอร์ตพนักงานขายอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างหน้าข้อมูลลูกค้าที่จัดระเบียบได้ทั้งหมดว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร นอกจากเรื่องจัดเก็บข้อมูลแล้ว Zendesk Sell ก็ช่วยลดงานที่ไม่จำเป็นได้มหาศาล พนักงานขายไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอไปมาระหว่าง CRM กับ Inbox เลยแม้แต่น้อย เพียงกดซิงค์อีเมลก็รับส่งอีเมลจาก Zendesk Sell ได้เลย พร้อม Tracking จำนวนครั้งที่ลูกค้าเปิดหรือคลิกอีเมลเสร็จสรรพ ในเรื่องของการนัดหมายก็ทำได้ง่ายแสนง่าย ติดตั้งแอปพลิเคชัน Zendesk Sell ลงโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้า Google Map ไปหาลูกค้าได้ทันใจ หรือหากต้องการโทรสายหาก็เพียงกดคลิกเดียวจบก็ทำได้แล้ว ไร้กังวลว่าต้องมาคอยรายงานหัวหน้าหรือจดบันทึกไม่ทัน เพราะ Zendesk Sell ช่วยลดการซ้ำซ้อนในการบันทึกข้อมูล ทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้แม้ในโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ‘86% ของพนักงานยขาย ใช้เวลากับงานซ้ำซ้อนน้อยลงเพราะ Zendesk Sell’ 📌Zendesk Sell ทำให้หัวหน้าเห็นภาพรวมทุกอย่าง เพราะเป็นหัวหน้า พนักงานขายดีลกับลูกค้าถึงไหน วัน ๆ หนึ่งคุยกับใครบ้าง ไปที่ไหน หรือแม้แต่จะประมาณการณ์ยอดขายอย่างไรย่อมเป็นข้อมูลที่จำเป็นต้องรู้ ถึงอย่างนั้นการจะอัปเดตสถานะการขายกลับเป็นเรื่องยาก Sales Stage ของพนักงานแต่ละคนกลับไม่มีมาตรฐานตรงกันเสียเลย จะออกรีพอร์ตก็ยากไปหมด Zendesk Sell ทำให้ทุกคนในฝ่ายร่วมกันกำหนด Sales Pipeline เป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมระบุตัวเลขระดับขั้นของ Sales Stage ให้ดูได้ง่าย...

Continue reading

เบื้องหลังความสำเร็จของ Carsales เว็ปไซต์ขายรถยนตร์ออนไลน์จากออสเตรเลีย

พวกเราอยู่ในยุคที่ช่องทางออนไลน์ ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของทุกคนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้า การสั่งอาหาร การชำระค่าบริการต่างๆ ที่มีให้เลือกตามความสะดวกของแต่ละคน แต่ “การซื้อรถ” นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ สำหรับหลายๆคนใช่ไหมล่ะ? ลูกค้ามักจะเริ่มค้นหาข้อมูลรายละเอียดต่างๆของรถยนตร์ที่พวกเขาหมายตาเป็นอันดับแรกก่อน ดังนั้น Carsales จึงได้เริ่มพัฒนาระบบขายรถยนต์ในเครือ ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถจองหรือดูรายละเอียดรถได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น  สำหรับ “Carsales.com.au” ใช้แนวคิดง่ายๆที่ว่า “เส้นทางการซื้อรถของลูกค้า ควรเป็นไปอย่างราบรื่น” สิ่งที่ลูกค้าควรได้ คืออำนวยความสะดวกให้มากที่สุด ไร้รอยต่อ ลดความซับซ้อน ประหยัดเวลาให้เราและลูกค้า ยิ่งได้รับประสบการณ์ที่ดี ลูกค้าพึงพอใจ ก็จะซื้อสินค้าหรือบริการเราได้มากขึ้น  Carsales มีแบรนด์รถชั้นนำมากกว่า 15 แบรนด์ให้บริการทั่วทั้งออสเตรเลีย นอกเหนือจากการขายรถยนตร์ผ่านเว็ปไซต์ในเครือ บริษัทก็ยังมีธุรกิจซื้อ-ขาย เรือ, จักรยาน, อุปกรณ์ตั้งแคมป์ ไปจนถึงเครื่องจักรในฟาร์มอีกด้วย และฐานลูกค้าของ Carsales มีทั้งผู้บริโภคทั่วไปจนไปถึงตัวแทนจำหน่ายรถและสินค้าต่างๆ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทาง Carsales จึงประสบกับปัญหาสำคัญด้วยกัน 3 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ ช่องทางการสื่อสารระหว่าง Carsales กับลูกค้าที่มีหลากหลายยิ่งกว่าแต่ก่อน (เช่น Email, Facebook, Twitter, Live Chat, โทรศัพท์ เป็นต้น) ซึ่งบริหารจัดการได้ยาก มีสิทธิที่จะพลาดโอกาสการซื้อขายได้ จึงต้องการรวบรวมคำถามทุกช่องทาง “ทั้งหมด” มาไว้ที่เดียว Carsales มีระบบที่ต้องเข้าไปทำงานหลายระบบ จึงอยากให้มีพื้นที่ที่ทำงานหลักของทีมออนไลน์อยู่บนระบบใดระบบหนึ่งไปเลย ไม่สามารถดูรายงาน (Report) ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขาย และข้อมูลการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละคน จึงทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การติดตามการทำงานหรือการแก้ไขปัญหาใดๆ ทำได้ยากลำบาก ยิ่งพูดถึงการบริหารจัดการในเชิงการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะไม่มีตัวเลขชี้วัดใดๆ Carsales จึงเลือกใช้ Zendesk ผู้ให้บริการโซลูชัน Omnichannel ระดับโลก เป็นทางออกที่สามารถช่วยแก้ปัญหาข้างต้น ด้วยประสิทธิ์ภาพที่เพิ่มขึ้น และ ระยะเวลาในการให้บริการที่ลดลง ทำให้ Carsales กลายเป็นเว็ปไซต์ขายรถยนต์ออนไลน์อันดับ 1 ของออสเตรเลีย ในปัจจุบัน Zendesk ช่วยทำให้สามารถจัดการคำร้องที่มีถึง 37,000...

Continue reading

Zendesk แจ้งปรับแพ็กเกจใหม่ ไฉไลกว่าเดิม!

Zendesk ปรับแพ็กเกจใหม่ นำเสนอโซลูชันการบริการแบบครบวงจร รวมทุกอย่างที่ต้องใช้ในการมอบประสบการณ์สนทนากับลูกค้า โดยจำแนกเป็น Zendesk สำหรับบริการและ Zendesk สำหรับการขาย ซึ่งแพ็กเกจดังกล่าวจะมีผลสามารถใช้ได้ทันทีนับตั้งแต่วันนี้ แล้วแพ็กเกจใหม่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูกัน Zendesk สำหรับการบริการหรือ Zendesk Suite Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่รวมทุกสิ่งที่ธุรกิจต้องการเพื่อการบริการลูกค้าไม่ว่าจะเป็น Messaging, Analytics, Community forums, Collaboration และอย่างอื่นอีกมากมาย รวมครบจบไว้ในแพ็กเกจเดียว Zendesk Suite เป็นแพ็กเกจที่ผ่านกระบวนการออกแบบด้วยแนวคิดถึงความเรียบง่าย และให้ความมั่นใจว่าธุรกิจจะสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้วยเทคโนโลยีเพื่อตอบรับความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด Zendesk Suite แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 แผนตามระดับการใช้งาน ได้แก่ Suite Team Suite Growth Suite Professional Suite Enterprise คลิกเพื่อดูรายละเอียดเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่ Zendesk สำหรับการขายหรือ Zendesk Sell แพ็กเกจ Zendesk ที่รวบรวมฟังก์ชันระบบ Sales CRM เพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการขาย ติดตาม Pipeline และดีลของลูกค้าได้ง่าย ไม่สะดุด ตอบโจทย์สำหรับฝ่ายขายโดยเฉพาะ Zendesk สำหรับการขายมีทั้งหมด 4 แผน ได้แก่ Sell Team Sell Professional Sell Enterprise Sell Elite สามารถดูรายละเอียดเพื่อเปรียบเทียบแผนต่าง ๆ ได้ที่นี่เลย FAQs รวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบ 1. แพ็กเกจใหม่นี้ส่งผลอย่างไรต่อลูกค้าปัจจุบันบ้าง? Ans ไม่ส่งผลอะไรต่อลูกค้าปัจจุบัน แพ็กเกจและราคาที่ลูกค้าปัจจุบันใช้อยู่จะยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน ทว่าหากลูกค้าต้องการจะยกระดับการบริการให้มากขึ้นก็สามารถดูรายละเอียดแพ็กเกจ Zendesk Suite อันใหม่นี้และโทร 02 030 0066 เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับฝ่ายขายของเราได้ 2. หากต่อสัญญาจะยังคงอยู่ในแผนเดิมได้อยู่หรือไม่? Ans ได้ 3....

Continue reading

Zendesk Sunshine 4 องค์ประกอบ เพิ่ม CX ให้ประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าแบบ out of the box

เป็นแพลตฟอร์ม CRM แบบเปิดและยืดหยุ่นปรับแต่งได้ สร้างขึ้นบน Amazon Web Services (AWS) ช่วยให้คุณเชื่อมต่อและเข้าใจข้อมูลลูกค้าทั้งหมดของคุณได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด รวดเร็วทรงพลัง และให้อิสระในการสร้างสิ่งที่คุณต้องการ...