แค่มี Google Translate ไม่ต้องกลัวหลงทางหรือสั่งอาหารไม่ได้

ปัญหาของคนที่ใช้ Google Translate หลายคนคือเวลาเห็นป้ายข้อความในภาษาต่างประเทศ ไม่รู้จะแปลยังไง แต่ต่อไปนี้เราไปเที่ยวประเทศไหนก็ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือสั่งอาหารไม่ได้แล้วครับ เพราะแค่พกเครื่องโทรศัพท์มือถือไปไหนมาไหน เราก็เที่ยวได้อย่างสบายใจ ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้ Google Translate แอพแปลภาษาของ Google บนโทรศัพท์มือถือสร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวโลกด้วยพีเจอร์ Instant translate ที่เพียงเราเอากล้องในโทรศัพท์มือถือไปส่องตามป้าย,หน้าจอแสดงผล,กระดาษ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ มันจะสามารถแปลคำหรือประโยคที่อยู่บนป้ายเหล่านั้นให้เป็นภาษาที่เราต้องการได้เลยทันที แต่น่าเสียดายที่ช่วงแรกที่ปล่อยออกมา Google รองรับเพียง 7 ภาษาเท่านั้นและไม่มีภาษาไทย มาจนถึงวันนี้ Google Translate อัพเดตใหม่รองรับภาษาไทยในการทำ Instant translate หรือ แปลสด แล้วครับ  Google ประกาศเรื่องอัพเดตใหม่ของ Google Translate เมื่อวันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า Quote: “พวกเราเริ่มต้นเปิดความสามารถนี้ให้กับ 7 ภาษาคือ อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โปรตุเกส, รัสเซีย และสเปน มาวันนี้เราขอเพิ่มเข้าไปอีก 20 ภาษา โดยคุณสามารถแปลแบบไปกลับระหว่างภาษาอังกฤษ, บัลแกเรีย, คาตาลัน, โครเอเชีย, เช็ก, เดนิช, ดัตช์, ฟิลิปปินส์, ฟินแลนด์, ฮังการี, อินโดนีเซีย, ลิทัวเนีย, นอร์เวย์, โปแลนด์, โรมาเนีย, สโลวัก, สวีเดน, ตุรกี และยูเครน นอกจากนั้นคุณยังสามารถแปลแบบทางเดียวจากภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาฮินดีและภาษาไทยได้อีกด้วย (หรือถ่ายภาพนิ่งของตัวหนังสือแล้วเอามาแปลทีหลัง เราก็แปลได้ถึง 37 ภาษา)” จากการทดลองด้วยตัวเองพบว่า เมื่อเราอัพเดต Google Translate แล้วเข้าไปใช้งานเลือกภาษาเป็น English -> Thai เมื่อกดปุ่มกล้องแล้วจะมีข้อความแจ้งมาให้ download language pack เพิ่มอีกประมาณ 3MB จากนั้นก็ใช้งานได้เลยครับ เอากล้องไปส่งตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ แล้วมันจะถูกแทนที่ด้วยภาษาไทยทันที มหัศจรรย์มาก คือเข้าใจอารมณ์ของ “วุ้นแปลภาษา” ของวิเศษในโดราเอมอนเลยทีเดียว วิดีโอต่อไปนี้จะเป็นวีดีโอแนะนำอัพเดตของ Google Translate ที่ทำประกอบเพลง La Bamba...

Continue reading

Zendesk คือ? Cloud Customer Service Platform หน้าตาเป็นยังไง?

เรามารู้จัก Zendesk ให้มากขึ้นดีกว่า เครื่องมือตัวนี้เป็นระบบ Cloud Customer Service Platform อันดับหนึ่งของอเมริกา ที่อิงกับการใช้แนวคิดของ Ticketing System ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการติดต่อสื่อสารหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ และท่านยังสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อีกด้วย  แนวคิดของระบบนี้คือการนำปัญหา คำถาม หรืองานที่ต้องทำ มาจัดการบันทึกอยู่ในรูปแบบของ Ticket เพื่อนำมาใช้เป็นศูนย์กลางในการพูดคุยและติดต่อสื่อสาร  รวมทั้ง Zendesk สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอื่นๆที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำให้การบริการลูกค้า และการประสานงานในองค์กรรวดเร็วขึ้น โดยทั้งหมดนี้ สามารถทำงานผ่าน Zendesk ได้ในหน้าจอเดียว https://youtu.be/yDIX6gNFwuc องค์ประกอบของหน้าจอ Zendesk Agent Workspace โดยหน้า Ticket ใน Zendesk Agent Workspace จะมีองค์ประกอบดังนี้ กำหนดได้ว่า Ticket นี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และใครเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องบ้าง สามารถกำหนดสถานะได้ เช่น งานใหม่ยังไม่มีคนรับผิดชอบ (New), งานยังไม่เสร็จ กำลังมีคนทำ (Open), งานกำลังรอคำตอบจากผู้อื่น (On Hold) หรืองานสำเร็จแก้ไขแล้ว (Solved) ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรับทราบถึงสถานะของงาน และจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถ Attach ไฟล์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ทันทีผ่าน Zendesk ไม่ต้องเปิดหลายหน้าจอ ,ทั้งการจัดการใบสั่งงาน ดึงข้อมูลประวัติ หรือส่งต่องานให้คนในทีม ก็สามารถทำได้เลยในที่เดียว ลดการทำงานซ้ำซ้อน และไม่ต้องตอบคำถามซ้ำๆกับลูกค้าท่านเดิม  บทสนทนาจะเรียงตามลำดับความเก่าไปใหม่ เพื่อให้การคุยเป็นธรรมชาติและต่อเนื่องที่สุด และยังสามารถเลือกลำดับความสำคัญ (Priority) ในการตอบลูกค้าได้ เช่น เร่งด่วน (VIP), ปกติ หรือสำคัญน้อย ข้อมูลการสนทนาทั้งหมดระหว่างเจ้าหน้าที่ กับลูกค้า จะปรากฏอยู่ทางด้านขวาของหน้าจอ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถสลับช่องทางการติดต่อได้ตลอดเวลา  มีการเก็บข้อมูล ประวัติทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากที่สุด ที่มุมขวาของหน้าจอจะแสดงเส้นทางของผู้ที่ติดต่อเข้ามา (Customer Journey) ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ว่า ลูกค้าติดต่อมาตอนที่ดูหน้าจออะไร เจ้าหน้าที่จะได้เตรียมข้อมูล เพื่อให้รายละเอียดได้ทันที ช่วยในการสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น  ที่สำคัญคือสามารถทำรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลทั้งของลูกค้าและของเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย...

Continue reading