ทรานส์ฟอร์มธุรกิจทั้งที เอาให้ดีไปเลย ด้วย 5 แอปพลิเคชันนี้

ถึงเวลาเปลี่ยนระบบ รื้อใหม่ ยุติปัญหาสะสม การทรานส์ฟอร์มธุรกิจใครว่าไม่สำคัญ ได้โปรดหยุดฟัง Demeter ICT ก่อน เพราะการทรานส์ฟอร์มจะทำให้คุณได้รับประโยชน์ ดังนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ลดงาน Manual และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุนและเพิ่มกำไร: จัดสรรทรัพยากรได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: พัฒนากลยุทธ์ใหม่ ๆ และเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: ธุรกิจน่าสนใจ ปรับตัวต่อยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว พัฒนาองค์กรให้คนเก่งอยากร่วมงานด้วย: พนักงานมีทักษะใหม่ ๆ ในการพัฒนาองค์กร ตัวอย่างการทำทรานส์ฟอร์มธุรกิจ (Business Transformation) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน พัฒนาระบบการจัดการข้อมูล พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ พัฒนาทักษะพนักงาน ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ ด้วยผลประโยชน์อันแสนหวานหอมที่ได้กล่าวไปข้างต้น มีธุรกิจไหนบ้างที่ไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้?! แต่อย่างไรก็ตามการทรานส์ฟอร์มไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ย่อมสร้างความกังวลใจให้กับเหล่าผู้บริหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นแล้ว Demeter ICT จึงได้คัด 5 แอปพลิเคชันจาก Google Workspace ที่จะเข้ามาช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้สามารถดำเนินการได้ง่ายมากที่สุดและสะดวกมากที่สุด ไม่ต้องติดตั้งระบบใด ๆ และไม่กระทบกระบวนการทำงานเดิมอย่างแน่นอน มาเริ่มก้าวแรกไปพร้อม ๆ กันเลย ! ทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้ดีเลิศ ต้อง 5 แอปพลิเคชันนี้ 1. Google Docs คุณยังมีการจัดทำเอกสารแบบรูปด้านบนอยู่หรือเปล่า? การจัดทำเอกสาร พิมพ์ออกมา แล้วจัดเก็บไว้ในแฟ้ม ถือว่าเป็นวิถีการทำงานที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่า Demeter ICT จะมีการสนับสนุนเรื่องการทำทรานส์ฟอร์มจากการทำเอกสารบนกระดาษสู่ดิจิทัลกันอยู่บ่อยครั้ง เราก็ยังจะสู้ต่อไปเพื่อธุรกิจของคุณ ซึ่งการเปลี่ยนเอกสารบางส่วนให้มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เหมาะสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นการทรานส์ฟอร์มเป็นอย่างมาก วิธีการใช้งาน Docs ก็เหมือนกับการจัดทำเอกสารตามปกติเลย แต่คุณจะได้ฟังก์ชันการใช้งานที่มากกว่านั่นเอง ประโยชน์จากการทรานส์ฟอร์มสู่การทำงานบน Google Docs บอกลาเอกสารกระดาษยุ่งเหยิง จัดการเอกสารออนไลน์ได้สะดวกสบายจากทุกที่ทั่วโลก ! แก้ไขเอกสารได้ทุกวินาที แชร์ไฟล์ได้ง่าย ทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์ ค้นหาเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย หายห่วง ไม่ต้องคอยกดเซฟ เมื่อเกินเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟดับ คอมดับ เน็ตหลุด ไม่ต้องกลัวว่างานที่ทำจะหาย...

Continue reading

ศึก AI ปะทะ AI! เปรียบเทียบ Gemini for Google Workspace กับ Copilot for Microsoft 365 AI ไหนเหมาะกับธุรกิจของคุณ

เมื่อยุค AI เป็นเหตุทำให้สองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft ต้องลุกขึ้นสู้ปะทะกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางศึกนี้ผู้คนมากมายต่างจับตามองและให้ความสนใจในการนำเครื่องมือเทคโนโลยี AI อย่าง Gemini และ Copilot มาปรับใช้กับธุรกิจกันอย่างล้นหลาม Demeter ICT ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาด้านโซลูชันเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจจึงจะขอพาคุณมาทำความรู้จักและเปรียบเทียบความเหมาะสมในการใช้งานแพลตฟอร์ม ราคาและความคุ้มค่า ฟีเจอร์ รวมถึงเวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีด้วย ซึ่งหากคุณมีความต้องการเปลี่ยนแพลตฟอร์มการใช้งานหรือยังไม่มีบัญชีธุรกิจของ Google Workspace หรือ Microsoft 365 เราเชื่อว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น  เปรียบเทียบ Gemini for Google Workspace กับ Copilot for Microsoft 365 1. Gemini vs Copilot เหมาะกับใคร? เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม Gemini เหมาะสำหรับผู้ที่มีบัญชีธุรกิจ Google Workspace ในทุกแพ็กเกจ เลือกดูแพ็กเกจและราคาได้ที่นี่ Copilot เหมาะสำหรับผู้ที่มีบัญชีธุรกิจ Microsoft 365 ในแพ็กเกจที่กำหนด 2. ราคา Gemini vs Copilot เลือกความคุ้มค่า Gemini แพ็กเกจ AI Add-on สำหรับธุรกิจ เริ่มต้นที่ $20/ผู้ใช้/เดือน (สัญญารายปี) ได้รับ AI ในทุกแอปพลิเคชันหลักสำหรับการทำงานร่วมกันในองค์กร ได้แก่ Gmail, Docs, Slides, Sheets, และ Meet Copilot แพ็กเกจ AI Add-on สำหรับธุรกิจ ราคา $30/ผู้ใช้/เดือน (สัญญารายปี) ได้รับ AI ในทุกแอปพลิเคชันหลักสำหรับการทำงานร่วมกันในองค์กร ได้แก่ Outlook, Word, Excel, Powerpoint และ Teams (สำหรับบางแพ็กเกจเท่านั้น) 3. ฟีเจอร์ของ...

Continue reading

6 ข้อผิดพลาดอันตราย เสี่ยงตกเป็นเหยื่อภัยไซเบอร์

อย่างที่ทราบกันดีว่าการโจรกรรมทางโซเชียลเป็นหนึ่งในอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายทั้งข้อมูลและทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล เพราะไม่ว่าจะมีการรายงานข่าวถึงการเสียหายมาแล้วกี่ครั้ง ก็ยังมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อเกิดขึ้นได้ในทุกวัน… ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งอีเมลหรือเข้าถึงโซเชียลมีเดีย ทุกการเข้าถึง การล็อกอิน การคลิก การแชร์ นั้นก่อให้เกิดการสร้าง Digital footprint หรือร่องรอยของข้อมูลขึ้นมา สิ่งนี้เองอาจทำให้มิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีสามารถนำข้อมูลของเราไปใช้งานในทางที่ผิดได้  บทความนี้ Demeter ICT ได้นำ 6 ข้อผิดพลาดและวิธีการป้องกันความเสี่ยงในการโจรกรรมข้อมูลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ อ้างอิงจากบทความของ Google มาฝาก ให้ผู้ใช้งานบัญชี Gmail และ Google Workspace ได้ลองสำรวจดูว่า เรามองข้ามหรือขาดการป้องกันในด้านใดบ้าง  ข้อผิดพลาดที่ 1: ใช้รหัสผ่านเดียวกันทุกการล็อกอิน ดังที่คุณ Sriram Karra, senior product manager of sign-in security จาก Google ได้กล่าวไว้ว่า หนึ่งในความเสี่ยงที่หลายคนคิดไม่ถึงและเป็นสิ่งที่ทำผิดพลาดกันมากที่สุด นั่นก็คือการตั้งรหัสผ่านชุดเดียวกันสำหรับการล็อกอินเข้าทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เพราะอาศัยแต่ความสะดวกและง่ายต่อการจดจำ แต่หารู้ไม่ว่าความผิดพลาดนี้เป็นของหวานชั้นดีสำหรับผู้ไม่หวังดีเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้รหัสเข้า Gmail เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่น และเมื่อแพลตฟอร์มนั้นเกิดรอยรั่ว บัญชี Google ของคุณก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าถ้าใครบางคนเข้าถึง Gmail ของคุณได้ พวกเขาก็สามารถยึดบัญชีอื่นๆ ของคุณได้อย่างง่ายดายนั่นเอง วิธีที่ควรทำ ไม่ควรตั้งค่ารหัสผ่านเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ ควรตั้งค่าตัวอักษรที่คาดเดาได้ยาก เพิ่ม Passkeys ลงในบัญชี Google ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ได้ด้วยลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า หรือการปลดล็อกหน้าจอของอุปกรณ์แทนการใช้รหัสผ่าน เปิดใช้งานตัวจัดการรหัสผ่าน (Password manager) ที่ช่วยให้คุณใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกันในทุกบัญชีออนไลน์ทั้งหมดได้โดยไม่ยุ่งยาก วิธีใช้งานตัวจัดการรหัสผ่าน (Password manager) ข้อผิดพลาดที่ 2: ละเลยการอัปเดตซอฟต์แวร์ หลายคนมักให้การเพิกเฉยต่อการอัปเดตซอฟต์แวร์ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นหรือเวอร์ชันเดิมที่ใช้ก็ดีอยู่แล้ว แต่คุณ Christiaan Brand, group product manager of identity จาก Google แนะนำว่าไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะการอนุญาตให้มีการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำนั้นถือเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัยที่สำคัญและเป็นอันดับสองรองลงมาจากการใช้ตัวจัดการรหัสผ่าน...

Continue reading

มาสร้างอีเมลเสริม Branding องค์กรให้ดูดีกว่าเดิม ด้วยเทมเพลตอีเมลสำเร็จรูป

ในยุคดิจิทัล อีเมลกลายเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารที่สำคัญสำหรับทั้งการติดต่อสื่อสารส่วนตัวและธุรกิจ แน่นอนว่าหน้าตาภาพลักษณ์อีเมลที่ดูดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง โดยเฉพาะอีเมลที่ส่งในนามขององค์กร ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในมุมของ Branding ได้ดีเลยทีเดียว รู้หรือไม่? ผู้ใช้งาน Google Workspace สามารถเปลี่ยนอีเมลธรรมดาๆของคุณให้ดูเจ๋งขึ้นกว่าเดิมได้! สำหรับใครที่ใช้งาน Gmail อยู่เป็นประจำ อาจสังเกตว่ามีฟีเจอร์ Layout Email มาสักพักนึงแล้ว จะบอกว่าฟีเจอร์นี้ สามารถช่วยให้การเขียนอีเมลของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นจริงๆ เมื่อปี 2022 Google ได้พัฒนาฟีเจอร์ Layout Email ซึ่งเป็นเทมเพลตอีเมลสำเร็จรูปขึ้นมา เพื่อช่วยให้การเขียนอีเมลดูสวยงามและดูดียิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกรูปแบบแล้วนำมาปรับแต่งสี โลโก้ รูปภาพ และอื่นๆได้ตามต้องการ ที่ผ่านมาฟีเจอร์ Layout Email ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด Google ได้เพิ่มความสามารถของฟีเจอร์ไปอีกขั้น ด้วยการปลดล็อคการใช้งานฟีเจอร์ได้เต็มศักยภาพมากขึ้น นั่นก็คือ หน้าตาโปรแกรม Layout Email รูปแบบใหม่: คุณสามารถเลือกใช้งานเทมเพลตที่มีให้ หรือจะสร้างเทมเพลตขึ้นมาใหม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถปรับแต่งได้อิสระมากยิ่งขึ้นบนหน้าต่างโปรแกรมที่แยกออกมา ซึ่งต่างจากแบบเดิมที่ให้คุณปรับได้แค่ฟังก์ชันที่จำกัดบนหน้าต่างร่างอีเมล (New message) เท่านั้น เข้าถึงเทมเพลตได้จาก Gmail และ Google Drive: ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโปรแกรมแก้ไข Layout Email หรือเรียกดูเทมเพลต ได้จากหน้าต่างร่างอีเมลใน Gmail หรือจาก Google Drive ก็ได้เช่นกัน การแชร์และทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น: ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์เทมเพลตร่วมกับผู้อื่นและทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ วิธีการใช้งานฟีเจอร์ Layout Email เทมเพลตอีเมลสำเร็จรูป วิธีเลือกใช้งานจากเทมเพลตที่มีให้ ไปที่ Gmail  คลิก Compose เพื่อเริ่มร่างอีเมล  ที่แถบล่างของหน้าต่าง Compose ให้กดที่ไอคอน Select a layout  ที่ด้านบนของหน้าต่างโปรแกรม ให้เลือกแถบ Default Layouts  เลือกเทมเพลตที่ต้องการ แล้วคลิก Edit layout เพื่อทำการปรับแต่งข้อความ รูปภาพ และการตกแต่งอื่นๆ เมื่อตกแต่งเสร็จแล้ว คลิก...

Continue reading

ทำความรู้จัก Gemini (Google’s Generative AI) AI ที่เป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว!

เมื่อไม่นานมานี้ Google ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อ Google’s Generative AI จาก Bard และ Duet AI สู่ Gemini อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึง AI Model จาก Google ได้เต็มรูปแบบ ซึ่งสิ่งที่ Demeter ICT จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักในวันนี้ คือ Gemini for Google Workspace (เดิมชื่อ Duet AI) Google ไม่ได้เพียงแต่เปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ปรับราคาใหม่ให้เข้าถึงได้ พร้อมเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลให้มากกว่าเดิม เรียกได้ว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Google’s AI เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้ก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีและ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด Gemini For Google Workspace คืออะไร? Gemini คือ AI-Powered assistant ซึ่งเป็น AI-Add on ของ Google Workspace ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยให้การทำงานบน Google Workspace มีความรวดเร็วและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หากใครที่อยากจะใช้งาน Gemini แต่ยังไม่มีบัญชี Google Workspace ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะเพียงท่านสมัคร Google Workspace 1 บัญชี ท่านก็สามารถใช้งาน Gemini ได้เลยทันที (ดูแพ็กเกจและราคา Gemini) Gemini ทำอะไรได้บ้าง? Google มาพร้อมกับคอนเซปต์การทำงานใหม่ ซึ่ง Gemini จะเปรียบเสมือนผู้ช่วยของท่านได้ดังนี้ Gemini คือ นักวิเคราะห์ (Research Analyst)ท่านสามารถให้ Gemini ช่วยค้นหาเทรนด์ต่าง ๆ วิเคราะห์ข้อมูล เชื่อมโยงข้อมูล...

Continue reading

2 วิธีแชร์ไฟล์ให้ผู้เข้าร่วมการประชุมใน Google Calendar

อยากแชร์ไฟล์ไปยังผู้เข้าร่วมการประชุมใน Google Calendar ทำอย่างไรได้บ้างนะ? แน่นอนว่าวิธีที่หลายคนใช้อยู่ก็คือแนบไฟล์ไนตารางนัดหมายการประชุมใน Google Calendar แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ Google เพิ่งได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นก็คือผู้ใช้งานสามารถแชร์ไฟล์จาก Google Drive ไปยังผู้เข้าร่วมการประชุมใน Google Calendar ได้โดยตรง สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้วิธีแชร์ไฟล์ไปยังการประชุมใน Google Calendar บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ เพราะสามารถช่วยให้การประชุมง่ายขึ้น ดังนี้ ช่วยให้แชร์ไฟล์กับผู้เข้าร่วมการประชุมได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถทำความเข้าใจเนื้อหาในการประชุมล่วงหน้าได้ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถทำงานร่วมกันในเอกสารเดียวหรือไฟล์ที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกแชร์ไฟล์ได้ทั้งหมด 2 วิธี ได้แก่ วิธีที่ 1 แนบไฟล์พร้อมกับตารางนัดหมายการประชุมใน Google Calendar ไปที่ Google Calendar เพื่อสร้างตารางนัดหมายการประชุม ที่กล่อง Add description ให้คลิกที่ไอคอน Add attachment  เลือกไฟล์ที่ต้องการ กด Save  จากนั้นจะมีหน้าต่างถามถึงการกำหนดสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ของผู้ที่ได้รับการแชร์ไฟล์ ให้เลือกสิทธิ์ที่ต้องการ คลิก Save event เพื่อบันทึกตารางการประชุม วิธีที่2 แชร์ไฟล์จาก Google Drive ไปยังผู้เข้าร่วมการประชุมโดยตรง ไปยังไฟล์ที่ต้องการแชร์ที่ Google Drive พิมพ์ชื่อการประชุมที่ต้องการในช่อง Add people and groups ตรวจสอบจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมที่ต้องได้รับไฟล์ว่าครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบให้ไปเพิ่มผู้เข้าร่วมไปยังการประชุมได้ที่ Google Calendar กำหนดสิทธิ์ที่เข้าถึงของผู้เข้าร่วมการประชุม และหากต้องการนำไฟล์นั้นแนบไปยังตารางการประชุมด้วย ให้เลือก “Attach to calendar event” คลิก Send เพื่อแชร์ไฟล์ หมายเหตุ: ผู้ที่สามารถแชร์ไฟล์ด้วยวิธีนี้ได้ ต้องเป็นเจ้าของไฟล์หรือมีสิทธิ์ในการแก้ไข (Editor) รวมทั้งต้องเป็นผู้เข้าร่วมการประชุมด้วยเท่านั้น...

Google Workspace ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Business Operation

นักสำรวจได้คาดการณ์ว่า Google Workspace มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นสูงถึง 23% รวมเป็น 40% ในปี 2024 ซึ่งคว้าอันดับ 1 ทั้งในปีนี้และปีหน้า! จากผลสำรวจของ Thailand’s Martech Report 2024 จำนวน 127 ตัวอย่าง ได้ระบุว่าคนไทยจำนวนมากนิยมใช้งานแพลตฟอร์มสำหรับการจัดการภายในองค์กรโดยอ้างอิงข้อมูลจากปี 2023 ดังนี้ อันดับ 1 Google Workspace ที่ 53% อันดับ 2 Microsoft 365 ที่ 44% อันดับ 3 Zoho ที่ 3% จากรูปด้านบนจะเห็นได้ว่าถึงแม้จำนวนตัวอย่างที่ใช้ทดสอบจะมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น Google Workspace ยังคงเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก เพราะ Google Workspace เป็นแพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการทำงานบนคลาวด์ ช่วยต่อยอดธุรกิจให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ไม่เพียงเท่านี้ Google Forms ซึ่งเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันของ Google Workspace ยังคว้าอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Forms & Survey อีกด้วย  อันดับ 1 Google Forms ที่ 66% อันดับ 2 Microsoft Forms ที่ 20% อันดับ 3 Survey Monkey ที่ 15% Google Workspace ตอบโจทย์ Business Operation ได้หลากหลายด้าน อีกทั้งยังซัพพอร์ตเรื่องการทำงานแบบ Online Conllaboration ได้ครบจบแบบ All in One Place !...

Continue reading

เทรนด์การทำงานแบบ Online Collaboration คืออะไร ? ทำอย่างไรถึงจะได้ผล ?

Online คือ การเชื่อมต่อผ่านระบบคอมพิวเตอร์/ อินเทอร์เน็ตCollaboration คือ การทำบางสิ่งบางอย่างร่วมกันหรือการร่วมมือกัน เมื่อมีการนำคำเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับการทำงานในองค์กรจึงหมายถึงการทำงานร่วมกันผ่านอินเทอร์เน็ตหรือแบบออนไลน์นั่นเอง (Online Collaboration) แอปพลิเคชันแรกที่เรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางสู่การเริ่มต้นการทำงานแบบนี้ คือ Google Docs ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Google Docs นั้นเป็นแอปพลิเคชันที่นักเรียน นักศึกษา และองค์กรหลายแห่งนิยมใช้กันสูงมาก ๆ เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานได้แบบออนไลน์ ทำให้ทุกคนทำงานด้วยกันได้ถึงแม้จะอยู่ต่างสถานที่กัน อีกทั้งเครื่องมือต่าง ๆ ก็ดูทันสมัยและใช้งานง่ายอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนยุคใหม่จึงคุ้นชินกับการทำงานแบบ Online Collaboration เพราะ Google Docs ได้ทำให้ผู้คนตระหนักรู้ว่า การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์นั้นสะดวกสบายและมีประโยชน์มากมาย จึงทำให้การทำงานแบบนี้กลายเป็นเทรนด์ยุคใหม่ที่กระตุ้นให้หลาย ๆ องค์กรต่างก็พากันให้ความสนใจเพื่อหาโซลูชันให้ตอบโจทย์ต่อการทำงานมากที่สุด นอกจาก Google Docs แล้ว คุณเคยใช้แอปพลิเคชันอื่นอีกบ้างไหม ?……..Google Meet ? Google Sheets ? หรือว่าจะเป็น Google Slides ? Demeter ICT เชื่อว่าคุณต้องเคยเห็นหรือเคยใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้มาบ้างแน่ ๆ ซึ่งแอปเหล่านี้เองก็เป็นหนึ่งในแอปเพื่อการทำงานร่วมกันของ Google ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า ‘Google Workspace’ ที่เป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ มีผู้ใช้บริการรวมแล้วกว่า 3 พันล้านบัญชีทั่วโลก 3 กุญแจสำคัญที่ทำให้การทำงานแบบ Online Collaboration ประสบความสำเร็จและได้ผลจริง 1. People แน่นอนว่าหากต้องร่วมมือกันทำงาน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือ Team Member ปัจจัยหลักที่ทำให้การ Collaboration สมบูรณ์มากที่สุด หากคนในทีมขาดความรู้และความสามารถในการใช้เครื่องมือ ก็อาจส่งผลให้การทำงานร่วมกันนี้ไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น คนในทีมของคุณรู้ว่าซอฟต์แวร์ที่ทีมกำลังใช้งานอยู่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างหลากหลาย แต่ทว่าคนในทีมส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีการใช้งานซอฟต์แวร์ตัวนี้เลย ทำให้ทีมเสียโอกาสในการใช้ความสามารถของเครื่องมือ Collaboration platform มาต่อยอดธุรกิจของตนนั่นเอง 2. Process เพื่อให้การเริ่มต้นการใช้งาน Collaboration platform เป็นไปอย่างราบรื่น ทีมควรที่จะวางแผนกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้ชัดเจน อีกทั้งหัวหน้าทีมยังจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับคนในทีมสำหรับจุดประสงค์ของการใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ เพื่อให้ทีมได้รับรู้ถึงสาเหตุและความสำคัญของการใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ...

Continue reading

Google Meet: มัดรวมฟีเจอร์เด่นๆ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพให้ทุกการประชุม Vol.1

อัปเดต Google Meet รอบนี้ขอยกทัพฟีเจอร์เด่นๆที่น่าสนใจ ตั้งแต่ช่วงปีหลัง 2023 – ปัจจุบัน มาดูซิว่าฟีเจอร์ไหนที่คุณยังไม่เคยลองเล่นบ้าง ขอบอกว่าอัปเดตที่ผ่านมา Google Meet ก็ได้นำเทคโนโลยี AI มากมายเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพการประชุมให้ราบรื่นและดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย… 1. ฟีเจอร์ Raise your hand ยกมือผ่านกล้องได้เลย ก่อนหน้านี้ Google Meet ไ้ด้มีฟีเจอร์ Raise your hand มาให้ผู้เข้าร่วมการประชุมสามารถยกมือถามเพิ่มเติมระหว่างการประชุมด้วยการคลิกที่ปุ่มไอคอนรูปมือ (Rise your hand) เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ไปยังผู้พูดและผู้เข้าร่วมอื่นๆ  แต่ตอนนี้เราสามารถใช้ฟีเจอร์ Raise your hand ได้ด้วยการโบกมือจริงๆผ่านกล้องได้แล้ว หากต้องการนำมือลงก็ให้คลิกที่ปุ่มไอคอน Rise your hand ซึ่งข้อดีก็คือช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมมากขึ้นและสัมผัสได้เหมือนว่าอยู่ในห้องประชุมจริงๆ  วิธีเปิดการใช้งานฟีเจอร์ 1. ไปที่ Google Meet 2. ไปที่ More options > Setting > General 3. ที่ Raise your hand automatically ให้คลิก เปิดใช้งาน หมายเหตุ : ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะผู้ใช้งานแพ็กเกจ Google Workspace Business Plus, Business Standard, Enterprise Essentials, Enterprise Plus, Enterprise Standard , Enterprise Starter, Education Plus, Teaching and Learning Upgrade และ Google Workspace Individual เท่านั้น  2. คอลแบบ 1:1 ผ่านแอป Meet บนมือถือ...

Continue reading