เงินหยวนดิจิทัล เเทนการใช้เงินสดของจีน

สกุลเงินหยวนดิจิทัลคืออะไร เงินหยวนดิจิทัล คือการที่นำเงินสดในกระเป๋า หรือที่เรียกว่าเงินกระดาษย้ายมาที่โลกออนไลน์ ซึ่งสามารถใช้จ่ายแบบออฟไลน์ได้ด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ตก็ยังสามารถใช้งานได้ เพราะใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) เพื่อจับคู่อุปกรณ์รับส่งข้อมูลธุรกรรมการเงิน ซึ่งเเอปหลักๆที่คนจีนนิยมใช้งานกันในมือถือตอนนี้คือ Alipay และ WeChat Pay เป็นเเอปที่ผูกกับบัญชีธนาคารของแต่ละคน ในปัจจุบันประเทศจีนมีผู้ใช้งานธุรกรรมผ่านมือถือมากกว่า 500 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศจีนกำลังมีการทำการวิจัย เเละพัฒนาด้านเงินหยวนดิจิทัล หรือ Digital Currency Electronic Payment (DCEP)  ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ถูกสร้างขึ้นจากธนาคารกลางของจีน โดยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลจีนซึ่งทางรัฐเป็นคนควบคุมดูเเลเอง ทำให้ค่าเงินมีความเสถียรนั้นคือ 1 : 1 เทียบเท่ากับเงินสดที่มีอยู่จริง ซึ่งเงินหยวนดิจิทัลออกแบบมาเป็น Central Bank Digital Currency (CBDC) เป็นสกุลเงินที่ควบคุมโดยธนาคารกลางของจีน เช่น ในบัญชีธนาคารมีเงินสด 200 หยวน ก็สามารถออกเงินได้ 200 หยวนดิจิทัล ดังนั้นมีความเเตกต่างกับ Bitcoin ที่ไม่มีความสเถียร หรือคงที่ เพราะสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ จีนจะเปลี่ยนเเปลงไปสู้สังคมไร้เงินสดเเบบเต็มตัว ซึ่งเงินหยวนดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่การใช้เงินในรูปแบบเงินสด อย่างไรก็ตาม ทางภาครัฐของจีนอยากพัฒนา เเละเเก้ปัญหาความล่าช้าในการใช้จ่ายเงิน หรือทำธุรกรรมในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น ทางรัฐได้รับความร่วมมือจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆหลายเเห่งช่วยกันพัฒนา เเละคิดค้นการนำหยวนดิจิทัลมาใช้ได้จริง เช่น Tencent (腾讯), Huawei (华为 ) และ China Merchants Bank ทำให้เงินหยวนดิจิทัล จะถูกเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มบริการชำระเงินจาก WeChat Pay, Alipay เเละแพลตฟอร์มอื่น ๆ ชาวจีนเริ่มเข้าสู่สังคมไร้เงินสดจากการที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีนเช่น Tencent เเละ Alibaba เข้ามาปฎิวัติการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนเเทนการจ่ายเงินสด ซึงทางรัฐบาลได้เล็งเห็นความปลอดภัย เเละสะดวกสบายมากขึ้นจึงได้มีการสนับสนุนการจ่ายเงินผ่านการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งได้ตอบโจทย์ประชาชนส่วนใหญ่ในจีน เพราะเเค่สเเกน QR Code ผ่านแพลตฟอร์ม WeChat Pay เเละ Alipay...

Continue reading

10 ข้อ ที่ต้องรู้หากคุณใช้ Google Workspace

10 ข้อที่คุณต้องรู้หากคุณใช้ Google Workspace เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  1. สื่อสารครบจบที่เดียวใน Gmail Google Workspace ได้รวมเอาช่องทางการสื่อสารทั้งหมดเข้ามาไว้ที่หน้า Gmail ที่เดียว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงได้ทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต  การใช้งานในหน้า Gmail จะไม่ได้มีเพียงแค่รับส่งเมลเท่านั้น แต่ยังมีห้องแชท (Google Chat) และการประชุมทางวิดีโอ (Google Meet) ทำให้คุณสามารถสื่อสารครบจบที่เดียวโดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างหรือย้ายแอปให้ยุ่งยาก หากไม่พบ Google Chat และ Meet ให้ตรวจสอบการตั้งค่า Gmail และสามารถเปิดใช้งานได้ที่แถบ Chat and Meet ได้เลย ดูข้อมูลเพิ่มเติม: แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารในกลุ่ม 2. แชทตัวต่อตัวหรือกลุ่ม ได้ง่ายยิ่งขึ้น ใช้ Google Chat ส่วนตัวเพื่อการสนทนาแบบตัวต่อตัวอย่างรวดเร็วกับเพื่อนร่วมงาน หรือสร้างกลุ่มแบบเป็นกันเองและแชทกับหลาย ๆ คนได้พร้อมกันในหน้า Gmail ทางด้านขวา เรามาดูกันเลยว่าในหน้าต่าง Chat กับ Room คืออะไร Chat: เป็นช่องส่งข้อความส่วนตัวเพื่อสนทนาอย่างรวดเร็วและใช้ Bot เพื่อค้นหาข้อมูลและทำงานแบบอัตโนมัติได้ * หมายเหตุ: หากใช้ Gmail จากที่ทํางานหรือสถานศึกษา คุณอาจไม่เห็น Bot หากผู้ดูแลระบบ G Suite ปิดใช้ Bot ให้กับองค์กร และสร้างห้องแชทสำหรับการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างเป็นทางการมากขึ้น เพื่อเป็นพื้นที่ให้ทีมได้ร่วมกันดำเนินโครงการ ในห้องแชท ทีมจะมีชุดข้อความที่เรียกว่าการสนทนาในหัวข้อต่าง ๆ ได้ในห้องเดียว และทุกคนที่ถูกเพิ่มไปยังห้องแชทก็จะดูประวัติการสนทนาเพื่อติดตามการพูดคุยก่อนที่ตนจะเข้ามาได้ ปักหมุด (Pin) คนหรือห้องแชทที่คุณติดต่อด้วยบ่อย ๆ ไว้ที่ด้านบนของรายการเพื่อให้สะดวกต่อการค้นหา Rooms: สร้างพื้นที่ทำงานสำหรับโครงการหรือทีมของคุณที่มีข้อความแชท เอกสาร และงานที่ใช้ร่วมกัน แก้ไขเอกสารไปพร้อมกับสตรีมแชท ดูข้อมูลเพิ่มเติม :  ห้องแชทและข้อความกลุ่ม 3. นัดหมาย เริ่ม และเข้าร่วมการประชุมได้ผ่านหน้า...

Continue reading