Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Duet AI จะช่วยให้การทำงานในองค์กรดีขึ้นได้อย่างไร

สำหรับองค์กรที่เปลี่ยนมาใช้งาน Google Workspace คงได้สัมผัสถึงสไตล์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยประโยชน์ของเครื่องมือชุดแอปพลิเคชันต่างๆที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันในองค์กรให้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงพื้นที่จัดเก็บไฟล์และการแชร์ไฟล์ร่วมกันได้อย่างเรียลไทม์ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงการทำงานได้ทุกที่และทุกเวลา รวมถึงระบบ Privacy ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ณ ขณะนี้ Google Workspace ได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง Generative AI เข้ามาเพิ่มความสามารถให้กับการทำงานไปได้อีกขั้น ในชื่อ ”Duet AI with Workspace” ที่จะช่วยต่อยอดผลงานด้วยไอเดียอัจฉริยะ เพียงแค่คุณบอกความต้องการผ่านฟีเจอร์ “Help me …” จากนั้น AI ก็จะสร้างไอเดียใหม่ๆให้คุณได้เลือกสรรได้อย่างนับอนันต์ Duet AI จะช่วยให้การทำงานดีขึ้นได้อย่างไร? บทความนี้อ้างอิงข้อมูลจากคุณ Michael Brenzel- Chief Workspace Evangelist, Google Workspace ที่ได้ให้การสัมภาษณ์ไว้ในบทความ “Can AI help us play nice at work?” ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งในหน้าที่เป็นผู้เผยแพร่นวัตกรรมองค์กร เขามักจะได้พบปะพูดคุยกับลูกค้าเสมอๆ โดยหนึ่งในคำถามที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุดเกี่ยวกับ Duet AI นั่นก็คือ Duet AI จะช่วยให้การทำงานของเขาดีขึ้นได้อย่างไร? โดยคุณ Michael ได้ให้คำตอบพร้อมด้วยการยกตัวอย่างเคสเพื่อให้เห็นภาพที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนี้ ณ บริษัทที่ให้บริการสร้างแอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง ได้มีโปรเจกต์สร้างแอปพลิเคชันให้กับลูกค้า แต่ด้วยทีมงานที่ร่วมโปรเจกต์นี้ได้กระจายกันอยู่ในหลายประเทศ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำงานร่วมกัน เนื่องด้วยภาษาและช่วงเวลาการทำงานที่แตกต่างกัน หัวหน้าทีมจึงได้นำ Duet AI เข้ามาช่วยลดปัญหาเหล่านั้น ซึ่งผลก็คือทำให้การทำงานของทีมดีขึ้น ดังนี้ Duet AI ช่วยทลายข้อจำกัดในการทำงาน หัวหน้าทีมเริ่มต้นโปรเจกต์ด้วยการใช้ Duet AI ผ่านฟีเจอร์ “Help me write” บน Google Docs เพื่อช่วยร่างแผนงาน กำหนดเป้าหมาย แบ่งหน้าที่ รวมถึงวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงต่างๆ จากนั้นสมาชิกในทีมก็ได้เข้ามาแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลร่วมกันโดยการใช้ @mentions (ฟีเจอร์ smartchips) ร่วมด้วย ทุกครั้งที่ต้องมีการประชุมออนไลน์...

Continue reading

ซื้อ Google Workspace ก็สามารถลดหย่อนภาษีกับโครงการ Easy E-Receipt 2567 ได้นะ !

ข่าวดีสำหรับเจ้าของธุรกิจที่กำลังวางแผนซื้อบริการ Google Workspace รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ! เพราะนี่เป็นเวลาเดียวที่คุณจะได้ลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 50,000 บาท ! Demeter ICT ได้เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 2567 มาตรการที่จะช่วยให้คุณสามารถรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็น Google Workspace, AppSheet, Duet AI, Zendesk, Braze, Asana, Freshservice, คอร์สอบรมการใช้งาน  Google Workspace & AppSheet และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (ดูเพิ่มเติม คลิก) เพียงแค่คุณซื้อบริการในนามผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็สามารถใช้ใบกำกับภาษีลดหย่อนกับโครงการ Easy E-Receipt สำหรับปี 2567 เพื่อยื่นในช่วงต้นปี 2568 นี้ได้เลย ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการ Google Workspace (ผู้ใช้ใหม่) ก็ยิ่งคุ้ม ! เพราะช้อปกับ Demeter ICT รับสิทธิพิเศษสุดคุ้มถึง 3 ต่อ ! ต่อที่ 1 License ราคาพิเศษ สำหรับผู้ใช้งานใหม่ ลดได้สูงสุดถึง 20 บัญชี เริ่มต้นเพียง 113.50 บาท /ผู้ใช้งาน/เดือน เท่านั้น  คลิกเพื่อดูแพ็กเกจและราคา ต่อที่ 2 รับฟรี AppSheet core ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ต่อที่ 3 สิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ตามที่จ่ายจริง ใช้ใบกำกับภาษีแบบ E-Tax Invoice/ E-Receipt จาก Demeter ICT เงื่อนไขการรับสิทธิ์โครงการ Easy E-Receipt ต้องซื้อบริการในนามของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น นอกเหนือจากนี้จะไม่สามารถลดหย่อนภาษีในโครงการนี้ได้ ต้องซื้อบริการและชำระในระหว่างวันที่ 1...

Continue reading

สรุป 10 Marketing Trends in 2024 จาก Forbes

โลกการตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ปี ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และอื่น ๆ  อีกมากมาย ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวทางการทำการตลาดทั้งสิ้น ซึ่งในปี 2024 นี้ ทาง Forbes ได้รวบรวม Marketing Trends ใหม่ ๆ รวมถึงเทรนด์ที่ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ๆ ในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจของคุณ และเป็นกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับธุรกิจ เพื่อรักษาความสามารถทางการแข่งขันในปี 2024 นี้ได้ จะมีอะไรบ้าง? ไปดูกัน! เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! 1. AI Marketing Automation การผสานเอา AI มาปรับเข้ากับการตลาดหรือที่เรียกว่า AI Marketing จะช่วยยกระดับวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ของบริษัท ตัวอย่างเช่น แชทบอทรับส่งข้อความที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโต้ตอบกับลูกค้าด้วยการมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว (Personalization) ซึ่งช่วยสร้างการเชื่อมต่อกับลูกค้าที่แท้จริงมากขึ้น เท่ากับว่านักการตลาดในปี 2024 จะต้องมีทักษะด้าน AI Management ต้องเป็น AI Manager หรือ AI Director ทำหน้าที่บริหารจัดการ AI ในฐานะเป็นหัวหน้าของ AI เพื่อจัดการกระบวนการทำงานระหว่างมนุษย์กับ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด 2. Augmented Reality (AR) & Virtual Reality (VR) เทคโนโลยีสมจริงอย่าง AR และ VR ช่วยให้การเล่าเรื่องแบรนด์สมจริงมากยิ่งขึ้น และเพิ่มช่องทางการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค ในปี 2024 นี้ คาดหวังว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะประสานเข้ากับความพยายามทางการตลาดเชิงกลยุทธ์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ร้านค้าแนวเทคโนโลยีสามารถยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้ และเพิ่มมูลค่าให้แก่แบรนด์ของพวกเขาได้โดยการเสนอประสบการณ์การลองใช้งานสินค้าแบบเสมือนจริงแก่ลูกค้า 3. Hyper-Personalization ด้วยความก้าวหน้าของ AI และการเรียนรู้ความสามารถของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ส่งผลให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าจำนวนมากได้ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงประสบการณ์และปรับแต่งเนื้อหาคอนเทนต์ แคมเปญการตลาด และออกแบบข้อเสนอให้กับลูกค้าได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น เช่น มีลูกค้าชื่อว่า...

Continue reading