Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

ส่องกรณีศึกษาจาก TaylorMade กับการยกระดับ IT Support ด้วย Freshservice

หากใครเคยเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะโซนอุปกรณ์กีฬา เชื่อว่าคงจะคุ้นหูคุ้นตากับแบรนด์ TaylorMade อยู่ไม่น้อย ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะ TaylorMade เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผลิตอุปกรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว เมื่อถึงจุดหนึ่งที่กระบวนการทำงานภายในองค์กรล้าสมัยและถึงคราวต้องปรับเปลี่ยน TaylorMade ก็ได้ยกระดับการจัดการบริการด้านไอที นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สามารถลดระยะเวลาการตอบกลับได้ถึงครึ่งหนึ่ง แม้ปริมาณการสอบถามจะเพิ่มขึ้นถึง 250% เลยก็ตาม TaylorMade ทำได้อย่างไร? เบื้องหลังของตัวเลขนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันนะ? ในบทความนี้ Demeter ICT จะเล่าให้คุณฟัง ใช้ระบบออโตเมชันเข้าช่วยในงานที่จำเจ “พันธกิจของแผนกไอทีเราคือต้องลด Downtime ให้น้อย และเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงที่สุด ระบบอัตโนมัติเป็นปัจจัยสำคัญเลยที่ทำให้เราเลือก Freshservice ฟีเจอร์และโมดูลของ Freshservice ทำให้เราเริ่มต้นใช้งานได้รวดเร็ว สำหรับเราที่จะบรรลุเป้าหมาย เราต้องมี Workflow และกระบวนการมหาศาลสำหรับเจ้าหน้าที่ 100 คนของเรา” – Ali Chitsaz, Senior Manager of Client Experience กล่าว ตัวอย่างฟีเจอร์เด่นของ Freshservice ที่ TaylorMade ใช้งาน Workflow Automation : ระบบสำหรับสื่อสารอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุร้ายแรง ทั้งพิกัดของผู้ร้องขอ (Requester) ผู้อนุมัติ และอื่น ๆ และยังสามารถแท็ก Back-end ทำให้การค้นหาบทความที่เหมาะสมเป็นเรื่องง่าย ซึ่ง TaylorMade ก็ได้ใช้งานระบบอัตโนมัติอย่าง Workflow สำหรับรีเซ็ตพาสเวิร์ดและใช้งาน Workflow ในการส่งต่อเรื่องไปยังบุคคลที่สาม Project Module : TaylorMade นำกระบวนการทางไอทีทั้งหมดรวมอยู่ในที่เดียว ทำให้เห็นภาพรวมโปรเจกต์ได้ชัดเจนขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติม เปลี่ยนสถานะ ลำดับความสำคัญ และแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบทำให้โปรเจคมีการอัปเดตล่าสุดตลอดเวลา Asset Management : โมดูลนี้ของ Freshservice ช่วยให้ TaylorMade สามารถติดตามและบริหารจัดการทรัพย์สินทางไอที เจ้าหน้าที่สามารถจัดการกับ Ticket ที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาวิธีแก้ไข ผู้ที่สอบถามเองก็สามารถเข้าถึงบทความโซลูชันสำหรับผู้ใช้งานกว่า 50 บทความได้อย่างรวดเร็ว Analytics & Reporting : สำหรับ...

Continue reading

Asana คืออะไร? รู้จัก Asana ซอฟต์แวร์ด้านการทำ Project Management ที่ดีที่สุด

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณต้องการได้เลย! Asana คืออะไร? Asana คือ ซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารจัดการโปรเจกต์ (Project Management Software) ที่สร้างขึ้นเพื่อให้บุคคล ทีม แผนก หรือองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น การจัดระเบียบทีมหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การติดตามการทำงาน โปรเจกต์ และเป้าหมายให้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ Asana ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูงเหมาะกับการทำงานในปัจจุบัน ทั้งการตั้งค่ามุมมองของหน้าจอการทำงานให้เหมาะสมกับตัวเองได้ การเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่องค์กรใช้งานอยู่ การสร้างรีพอร์ทเพื่อให้เห็นภาพรวมของโปรเจกต์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำงานและทีมที่ตรงจุด รวมถึงการใช้งานบนมือถือที่เป็นแอปพลิเคชันและรองรับทั้ง iOS และ Android สามารถติดตามโปรเจกต์ได้แม้กระทั่งตอนเดินทาง ฟีเจอร์ของ Asana มีอะไรบ้าง? จัดระเบียบงาน (Organize work) : สร้าง Tasks งานหรือโปรเจกต์ พร้อมกระจายงานที่สามารถจัดการได้และมอบหมายงานให้กับสมาชิกในทีมที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ (Collaborate effectively) : สามารถสื่อสารกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แชร์ไฟล์ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าของงาน ภายใน Asana ได้ทั้งหมด ติดตามความคืบหน้า (Track progress) : ติดตามดูสถานะของงานและโปรเจกต์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย กำหนดเวลาของโปรเจกต์ (Project deadlines) : กำหนดเวลาสำหรับงานและโปรเจกต์ และมีการส่งแจ้งเตือนเมื่อเวลานั้นใกล้เข้ามา จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritize work) : ใช้ฟีเจอร์ที่ช่วยจัดลำดับความสำคัญและวันครบกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่างานไหนสำคัญที่สุดและต้องทำให้เสร็จก่อน กำหนดเป้าหมาย (Set goals) : ติดตามความคืบหน้าของงาน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายหลักของบริษัท และดูว่างานแต่ละอย่างมีส่วนช่วยให้ภาพรวมของบริษัทโตขึ้นได้อย่างไร การเชื่อมต่ออย่างอิสระ (Integrations) : เชื่อมต่อ Asana กับเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่คุณใช้อยู่แล้ว เช่น Slack, Google Drive, Dropbox และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ประโยชน์ของการใช้ Asana คืออะไร? 1.ช่วยจัดระเบียบและเพิ่มความชัดเจนให้กับองค์กร (Improved organization and clarity) ศูนย์กลางของข้อมูล: ช่วยกำจัดข้อมูลที่กระจัดกระจายทั้งในอีเมล...

Continue reading