Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Human-AI Collaboration คืออะไร ?

หากคุณได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาบ้างในช่วงนี้ ก็คงจะพอทราบว่าศึกแห่ง AI กำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังแล้ว หากสังเกตดี ๆ สิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณล้วนแต่ทยอยเปลี่ยนเป็น AI กันหลายอย่าง ทั้งนี้ก็เพราะธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีการนำ AI มาใช้เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและใช้ AI ในการช่วยสร้างสรรค์ผลงานขององค์กรเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพมากที่สุด

ดังนั้นเมื่อมีการนำ AI เข้ามาทำงานร่วมกับมนุษย์มากขึ้น จึงเกิดเป็นการทำงานที่เราเรียกกันว่า “Human-AI Collaboration”

Human-AI Collaboration คืออะไร ?

Human-AI Collaboration คือ การที่คุณทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คุณวางแผนไว้ ซึ่ง AI จะทำหน้าที่เหมือน Partner เปรียบเสมือนคู่คิดของคุณที่คอยให้คำปรึกษาและคอยช่วยเหลืองานต่าง ๆ นั่นเอง ตัวอย่างเช่น การให้ AI ช่วยค้นหาข้อมูล ช่วยสร้างรูปภาพ ช่วยวิเคราะห์รายงาน หรือช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ เป็นต้น

ซึ่ง Human-AI collaboration จะแตกต่างจาก AI-centric แบบดั้งเดิม ใน 5 แง่มุมดังนี้

1. เป้าหมาย
Traditional AI-centric: มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถของ AI
Human-AI collaboration: มุ่งเน้นไปที่การสร้างผลลัพธ์อย่างถูกต้องแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. การมีส่วนร่วมของมนุษย์
Traditional AI-centric: บทบาทของมนุษย์จะถูกจำกัดลงอย่างต่อเนื่อง
Human-AI collaboration: ข้อมูลที่มนุษย์ได้ให้กับ AI คือข้อมูลที่สำคัญที่สุดในการนำมาใช้ประมวลผลสำหรับการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ 

3. ความสามารถ
Traditional AI-centric: มนุษย์สามารถถูกแทนที่ได้ง่ายด้วยความสามารถของ AI
Human-AI collaboration: เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานด้วยการหลอมรวมจุดแข็งของมนุษย์และ AI เข้าด้วยกัน

4. อำนาจในการตัดสินใจ
Traditional AI-centric: AI ตัดสินใจแทนมนุษย์ได้เลยทันที
Human-AI collaboration: มนุษย์ตัดสินใจได้เองด้วยข้อมูล Insight และคำแนะนำจาก AI

5. การตีความหมาย
Traditional AI-centric: ไม่ให้ความสำคัญมากนักในเรื่องของการตีความหมาย ทำให้ในบางครั้ง AI ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่มนุษย์ต้องการสื่อสารได้
Human-AI collaboration: ต้องมั่นใจว่า AI จะสามารถเข้าใจในสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ข้อมูลจะต้องเชื่อถือได้ และที่สำคัญคือต้องสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างดีที่สุด

ตัวอย่าง use cases จากบริษัทชั้นนำที่มีการทำงานแบบ Human-AI collaboration

Human-AI collaboration สามารถนำมาปรับใช้ได้กับธุรกิจทุกขนาดและทุกประเภท เช่น ธุรกิจกลุ่ม healthcare, finance, manufacturing, transportation, retail, และ education คุณสามารถดูตัวอย่าง use cases จากกลุ่มต่าง ๆ ได้ด้านล่างนี้

  • การใช้ Human-AI collaboration ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์
    Duet AI (Generative AI) ช่วยสร้างสรรค์ผลงานด้วยการออกแบบรูปภาพต้นแบบ สร้างรูปภาพใหม่ ๆ และการเขียนเนื้อหาที่น่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มเพื่อการทำงานภายในบริษัทอย่าง Google Workspace ได้โดยไม่ต้องพึ่งซอฟต์แวร์อื่น ตัวอย่างบริษัทที่มีการใช้งาน Duet AI ได้แก่ Trimble, Adore me, Lyft, และ HRT
  • การใช้ Human-AI collaboration ช่วยตอบโต้ได้อย่างอัตโนมัติ
    การที่ Google’s Duplex (ผู้ช่วยเสมือนจริง) ช่วยทำการนัดหมายลูกค้าหรือโทรศัพท์จองร้านอาหาร ซึ่ง Duplex จะมีความสามารถในการจดจำเสียงและทำความเข้าใจคำสั่งของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้ Duplex สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างดี

    American Express ที่ได้มีการใช้งาน AI Chatbots ในการบริการลูกค้าให้สามารถตอบคำถามลูกค้าได้ด้วยคำตอบที่เหมาะสม อีกทั้ง AI ยังสามารถช่วยจัดการ transaction และการแก้ไขปัญหาทั่วไปได้อีกด้วย

    Demeter ICT ก็มีการใช้งาน AI Chatbot เช่นกัน Zendesk เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการบริหารจัดการลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา ช่วยจัดการ Ticket และ Support การขายต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล

  • การใช้ Human-AI collaboration ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
    การใช้ AI เข้ามาช่วยมนุษย์ให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นถือเป็นการป้องกันไม่ให้มนุษย์ตัดสินใจผิดพลาดและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะได้รับการจากการตัดสินใจในครั้งนั้น การใช้ AI ในลักษณะนี้จะเป็นประโยชน์มาก ๆ กับในทางการแพทย์ และบริษัทกลุ่ม Manufacturing เพราะ AI จะช่วยรายงานข้อมูลได้แบบ Real Time และช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ซึ่งหากมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มนุษย์ก็จะสามารถแก้ไขได้เลยทันที

  • การใช้ Human-AI collaboration ช่วยขยายขีดความสามารถ
    ยิ่งบริษัทมีขนาดใหญ่ การใช้การ AI ก็จะยิ่งส่งผลดีอย่างมหาศาล เช่น บริษัท IBM’s Watson Recruitment system มีผู้สมัครงานในตำแหน่งที่ลงประกาศจำนวนหลายร้อยคน หากจะให้ HR อ่าน Resume รายคนเพื่อเฟ้นหาคนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมก็คงจะใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจให้ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจาก Resume ทั้งหมดเพื่อหาคนที่ใช่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
  • การใช้ Human-AI collaboration ช่วยเพิ่มความเฉพาะตัว
    ความเฉพาะตัวถือเป็นสิ่งหนึ่งที่บริษัทจะต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในอนาคต เพราะลูกค้าจะรู้สึกพิเศษและให้ความสนใจกับบริษัทมากขึ้นหากสินค้าและบริการนั้นตรงกับ Lifestyle ของเขา เช่น

    Pandora Music ใช้ AI ในการสร้าง Personal playlist เพื่อให้ตรงกับความชื่นชอบของผู้ฟังมากขึ้น

    Amazon และ Braze ใช้ AI ในการบันทึกพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเพื่อที่จะได้นำเสนอสินค้าที่ถูกใจได้อย่างเหมาะสม

    Hilton Hotel ใช้ AI และ IoT ในการอำนวยความสะดวกกับผู้เข้าพักเพื่อเรียนรู้ความชอบและสามารถให้คำแนะนำได้อย่างเป็นประโยชน์มากที่สุด

    Duet AI ก็เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะ Duet AI สามารถสร้างความเฉพาะตัวด้วยการสื่อสารผ่านทางอีเมลได้ โดย Duet AI จะสามารถแนะนำการตอบกลับอีเมลโดยอ้างอิงจากเนื้อหาที่ได้คุยกันไว้ ซึ่งสามารถเรียนรู้วิธีการสื่อสารที่คุณใช้กับคู่สนทนา และช่วยตอบกลับได้เหมือนคุณกำลังตอบเองเลย 

จะเห็นว่าหากคุณมีการนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคมากได้มากยิ่งขึ้น และหากคุณนั้นได้มีการนำ AI มาใช้กับการทำงานภายในบริษัทด้วย ก็ยิ่งส่งผลดี เพราะจะทำให้บุคลากรในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด รวดเร็ว ทำให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานรูปแบบไหน Demeter ICT มีแพลตฟอร์มที่สามารถ Support ธุรกิจของคุณได้อย่างครอบคลุมด้วยเทคโนโลยี AI ทำความรู้จักแพลตฟอร์มเหล่านี้ คลิกด้านล่างได้เลย
Google Workspace
Duet AI
Zendesk
Braze

ระบบอีเมลองค์กรและชุดแอปพลิเคชันเพื่อการทำงานร่วมกัน ตอบโจทย์สำหรับทุกธุรกิจ

บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด - พันธมิตรระดับ Google Premier Partner

ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ