Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

5 เหตุผล ทำไมธุรกิจต้องมี Sales CRM

หากพูดถึง CRM (Customer Relationship Management) หลายคนอาจนึกไปถึงซอฟตแวร์หรือเครื่องมือสักอย่างที่ช่วยในการบริหารและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

ทว่าแม้แต่ CRM เองก็สามารถแบ่งแยกออกไปได้อีกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าต้องการใช้ CRM กับเนื้องานใด ทีมซัพพอร์ตอาจใช้ CRM ในการจัดการ Tickets หรือคำร้องที่ถูกส่งเข้ามา ฝ่ายการตลาดอาจใช้ CRM ในการวิเคราะห์ผลตอบรับจากแคมเปญออนไลน์ ขณะที่ฝ่ายขายหรือ Sales มักใช้ CRM ในการปรับปรุง Sales Pipeline (ระบบการวางแผนการขาย) 

เรามาดู 5 เหตุผลว่าทำไมถึงต้องใช้ Sales CRM กัน

1. ลดความซ้ำซ้อน

Sales CRM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริหาร Touchpoint ของลูกค้าผ่านกระบวนการขาย ซึ่ง Touchpoint ในที่นี้ อาจจะเป็นทั้งการมีปฏิสัมพันธ์ทางตรงหรือทางอ้อมกับลูกค้าก็เป็นได้ เครื่องมือ Sales CRM จะช่วยติดตามทุกการสื่อสารต่างๆ นำข้อมูลมาจัดเรียงให้โดยอัตโนมัติ ทั้งส่งแจ้งเตือนกำหนดการในการ follow up leads และอีกมากมาย

Sales CRM ยังช่วยลดความยุ่งยากในส่วนของการดูแลลูกค้าเป้าหมาย เมื่อไม่ต้องมานั่งเสียเวลาเรื่องการกรอกเก็บข้อมูลพนักงาน ฝ่ายขายก็สามารถโฟกัสไปที่การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น 

2. ระบบการขายแบบรวมศูนย์กลาง

พนักงานแผนกขายใช้เวลาเป็นวันในการทำทุกอย่างตั้งแต่รีเสิรช์ยันติดต่อเพื่อดีลกับฝ่ายจัดสรรและฝ่ายขายหน้าร้าน ทางเมเนเจอร์เองก็ยุ่งวุ่นวายกับการมอนิเตอร์เพอฟอแมนซ์ บริหารคลังสินค้า ไหนจะต้องให้คำแนะนำทีมอีก เมื่อไม่มีระบบศูนย์รวมที่ช่วยจัดการงานแต่ละงาน อะไรที่อาจถูกมองว่าเล็กน้อยก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากในแผนกที่นำไปสู่ความไม่มีระเบียบแบบแผนได้

Sales CRM จึงมักถูกออกแบบขึ้นมาในรูปแบบของ one-stop solution ให้รองรับกับการทำงานในแต่ละวัน สามารถบูรณะเข้ากับเครื่องมืออื่นที่กำลังใช้งานอยู่ตลอดจนช่องทางสื่อสารต่างๆ มากมาย ให้การจัดการงานทั้งหมดสามารถทำครบจบในแพลตฟอร์มเดียว

การมีระบบที่รวมศูนย์กลางนี้ยังช่วยให้องค์กรมีรากฐานที่น่าเชื่อถือ พนักงานฝ่ายขายสามารถหาข้อมูล Lead ได้แม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งข้อมูลเก่าต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามหรือปิดดีลลูกค้า และยังสามารถเข้าถึงช่องทางสื่อสารอื่นขององค์กรไม่ว่าจะเป็นอีเมล โทรศัพท์ กระทั่งกล่องแชทบนเว็บไซต์ ไม่ต้องยุ่งยากสลับหน้าจอไปมาให้น่าเวียนหัวอีกต่อไป



3. ปรับปรุงข้อมูลลูกค้าให้แม่นยำยิ่งขึ้น

หลายครั้งที่การกรอกข้อมูลที่ซ้ำซ้อนไปมามากๆ นำไปสู่ความผิดพลาดได้ Sales CRM ช่วยลดข้อผิดพลาดเหล้านั้นด้วยระบบที่บันทึกทุก action ของพนักงานแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือส่งอีเมลก็บันทึกไว้ได้หมด โดยเฉพาะถ้าใช้ Zendesk Sell ที่เรียกได้ว่าทุกแอคชันจะขึ้นแสดงผลแบบเรียลไทม์ในหน้า activity feed ให้เลยทีเดียว หากว่าต้องการหาข้อมูลไหนที่เจาะจงก็เพียงเลือกตัวกรองให้แคบลงหรือพิมพ์กรอกค้นหาเอาก็ทำได้

นอกจากนี้ Zendesk Sell ยังมีฟังก์ชัน Reach ที่ช่วยจำลองข้อมูลลูกค้าลงในรายชื่อติดต่อที่แสดงผลเหมือนบัตร ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดโอกาสในการได้รับข้อมูลผิดๆ แต่ยังช่วยย่นเวลาที่ต้องใช้หาข้อมูลรีเสิรช์เกี่ยวกับลูกค้าด้วยเช่นกัน

4. ระบุปัญหาคอขวดในกระบวนการขาย

สำหรับองค์กรที่ไม่ใช้ Sales CRM ปัญหาเรื่องการวิเคราะห์วัดผลถือเป็นอะไรที่ท้าทาย เพราะไม่เพียงแต่ต้องรวมข้อมูลมหาศาลในชีท กว่าจะคำนวนข้อมูลตัวเลขก็นับเป็นอะไรที่ยุ่งยากพอดู

หนึ่งในข้อดีที่สุดของ Sales CRM ก็คือเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น ข้อมูลของลูกค้าจะถูกรวมเข้าอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ลงใน “smart report” ให้สามารถดูข้อมูลเชิงลึกถึงการทำงานทั้งหมดของแผนกขายโดยรวมทั้งหมด

ยกตัวอย่าง Report ของ Zendesk Sell มีฟังก์ชันดังนี้

    • Sales funnel analysis
    • Conversion reports
    • Forecasted sales
    • Activity overview reports
    • Goal reports

รายงานเหล่านี้ยังสามารถนำไปปรับแต่งได้ว่าตามแต่ว่าต้องการข้อมูลเชิงลึกในด้านไหน และหากมีปัญหาคอขวดอะไรในกระบวนการขายก็จะช่วยให้หาเจอได้โดยทันที

5. เพิ่มพูนประสิทธิภาพการทำงาน

จากทุกข้อที่กล่าวมานี้เรียกได้ว่า Sales CRM เป็นเครื่องมือช่วยพนักงานฝ่ายขายแบบครบวงจรเลยก็ไม่ผิดนัก เมื่อมีตัวช่วยที่ดีการทำงานก็เป็นไปอย่างมีระบบราบรื่น ทำให้พนักงานได้มุ่งมั่นใช้ศักยภาพของตนเองในเรื่องสำคัญอย่างการติดต่อกับลูกค้ามากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

การจะสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงได้เริ่มจากการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า Sales CRM ช่วยลดเวลางานจำพวกที่ต้องกรอกข้อมูลและช่วยในการสรุปผลวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ให้พนักงานโฟกัสกับลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ร่นระยะเวลางานที่ไม่จำเป็น และปิดดีลได้ง่ายขึ้น

ที่มา : Zendesk

Official LINE