การติดต่อยาก ความล่าช้า ลูกค้าต้องเล่าปัญหาซ้ำ ๆ ต้องบอกข้อมูลใหม่ตั้งแต่ต้น ล้วนเป็นปัญหาที่นำไปสู่ประสบการณ์ที่ยอดแย่ของลูกค้า ยิ่งในปัจจุบันที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาหลากหลายช่องทาง การจะรับมือกับปริมาณการติดต่อและข้อมูลที่ล้นหลามได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้องค์กรชั้นนำกว่า 170,000 ราย ได้หันมาใช้เครื่องมือสุดเจ๋งอย่าง Zendesk เข้ามาช่วยในการบริการและสร้างประสบการณ์ลูกค้า Zendesk คืออะไร? มีฟีเจอร์อะไรและล่าสุดปี 2025 นี้ทำอะไรได้บ้าง? ในบทความนี้เราจะสรุปให้ทุกคนได้อ่านกัน ยาวไปอยากเลือกอ่าน คลิกเลือกหัวข้อได้ที่นี่เลย! ยาวไปอยากเลือกอ่าน คลิกเลือกหัวข้อที่สนใจได้เลย ตัวอย่างบริษัททั้งในไทยและต่างประเทศที่ใช้งาน Zendesk Zendesk คืออะไร? Zendesk คือ ซอฟต์แวร์ Help Desk และซอฟต์แวร์บริการลูกค้าบนระบบคลาวด์ ขับเคลื่อนด้วย AI มีบริษัทหลักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแพลตฟอร์มชื่อดังด้านการซัพพอร์ตลูกค้า (Customer Support) การทำ Customer Service และการบริหารความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับบริษัท หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อระบบ CRM (Customer Relationship Management) ในปัจจุบันที่ลูกค้าไม่ได้ติดต่อเข้ามาเพียงแค่ช่องทางเดียว แต่มาจากช่องทางทั้ง Online และ Offline ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์, อีเมล, ไลฟ์แชท, โซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ ซึ่งการบริหารลูกค้าจากทุกช่องทางแยกกันออกไปนับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว นอกจากจะไม่สามารถวัดผลและไม่สามารถเก็บข้อมูลได้แล้ว การติดตามลูกค้ายังเป็นเรื่องยาก แต่ปัญหาดังกล่าวจะจัดการได้ง่ายขึ้นด้วย Zendesk เพราะ Zendesk จะช่วยรวบรวมข้อมูลและเชื่อมโยงลูกค้าจากทุกช่องทางที่ติดต่อเข้ามาไว้ให้อยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถดูแลและติดตามลูกค้าได้ง่ายในหน้าแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งถือเป็นการ Support ลูกค้าแบบ Omni-Channel อย่างแท้จริง มากไปกว่านั้นล่าสุด! คุณยังสามารถเชื่อมต่อ Zendesk เข้ากับแพลตฟอร์ม E-Commerce ยอดนิยม เช่น Shopee, LAZADA, Shopify ได้แล้วด้วย CXBOX โดย CXBOX นั้นเป็นเครื่องมือเสริมที่ Demeter ICT พัฒนาขึ้นเพื่อขยายขีดความสามารถของ Zendesk ในส่วนของเครื่องมือเสริมพิเศษตัวนี้เราก็จะขออธิบายไว้ที่หัวข้อสุดท้ายในบทความ Zendesk มี Products...
Continue readingวัตสัน (Watsons) ยกระดับการบริการลูกค้า แก้ปัญหากว่า 90% ด้วยระบบอัตโนมัติ และ AI
วัตสัน (Watsons) เป็นบริษัทเครือข่ายค้าปลีกระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง Watsons มีเป้าหมายในการยกระดับการบริการ เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วให้ควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ระบบบริการลูกค้า (Customer Service) ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการได้รับบริการอย่างรวดเร็วได้ ส่งผลให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง แนวทางแก้ไขUdesk ได้นำเสนอโซลูชันส์ซอฟต์แวร์ SAAS สำหรับระบบบริการลูกค้า (Customer Service) รูปแบบใหม่ให้กับ Watsons ระบบนี้มีฟังก์ชันการจัดเส้นทางที่ชาญฉลาดและระบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ภายใต้คำแนะนำของเรา Watsons ได้ดำเนินการทดสอบและประเมินซอฟต์แวร์อย่างครบถ้วน ในการใช้ระบบ Udesk ได้มีการนำ AI มาใช้ในการรับเรื่องลูกค้าทั้งในส่วนของการโทรและแชท (AI Chatbot) ก่อนส่งเรื่องต่อให้ Customer Service Agents ที่เป็นพนักงาน และมีการเชื่อมต่อกับรบบงานอื่นๆ ของวัตสัน เช่น Customer Data Platform ระบบ Order ระบบสมาชิก ฯลฯ ผลลัพธ์ที่ได้รับหลังจากการทดสอบและการประเมินผลเป็นเวลาหลายเดือน Watsons ได้ตัดสินใจเลือกใช้ระบบบริการลูกค้าของ Udesk ในรูปแบบ SAAS หลังจากใช้ระบบนี้ ความเร็วและประสิทธิภาพในการตอบสนองของฝ่ายบริการลูกค้าของ Watsons ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ และความพึงพอใจของลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาเดียวกันแผนกต้อนรับด้วย AI Chat BOT ให้บริการตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง อัตราการเชื่อมต่อสายภายใน 5 วินาทีมากกว่า 95% อัตราการแก้ปัญหาด้วย AI มากกว่า 90% AI ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพการบริการได้กว่า 11,000 ครั้งต่อวัน ระบบยังรองรับการสื่อสารหลายภาษาและหลายช่องทาง ซึ่งช่วยยกระดับและคุณภาพของการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ทดลองใช้ Udesk ฟรี สอบถาม ราคา Udesk ติดต่อบริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ผู้ให้บริการระบบ Udesk ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ – Udesk Thailand Partner ซอฟต์แวร์เพื่อการบริการ ขาย และเชื่อมต่อข้อมูลสำหรับทุกธุรกิจ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที...
Continue readingฮิลตันยกระดับการบริการลูกค้าที่สะดวกและรวดเร็วด้วย Udesk และ Chatbot
โรงแรมและรีสอร์ทฮิลตัน (Hilton Hotels and Resorts) แบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดดเด่นในฐานะตัวอย่างที่ทันสมัยและมีวิสัยทัศน์ในอุตสาหกรรมการบริการ ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 92 ปี ฮิลตันยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในด้านผลิตภัณฑ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการ โดยใช้การออกแบบที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่เข้ามารับบริการ แนวคิดการรับประทานอาหารที่ทันสมัย การบริการที่อบอุ่นและใส่ใจ รวมถึงความมุ่งมั่นต่อชุมชนทั่วโลก ฮิลตันมุ่งเน้นที่จะทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและราบรื่นมากขึ้น ปัจจุบัน ฮิลตันให้บริการในประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่าทุกแบรนด์โรงแรมครบวงจรอื่น ๆ โดยมีโรงแรมและรีสอร์ทกว่า 570 แห่ง ครอบคลุม 6 ทวีป ใน 79 ประเทศ ความท้าทายของฮิลตันประกอบด้วย: ฮิลตัน ประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีช่องทางการสื่อสารออนไลน์ จำเป็นต้องรวม LINE เข้ามาเป็นช่องทางสำหรับการสอบถาม และต้องรองรับทั้งอินเทอร์เฟซส่วนหลังและส่วนหน้าที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เพื่อตอบสนองคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยและซ้ำซาก ฮิลตันมีเป้าหมายที่จะนำระบบแชทบอท (AI Chatbot) แบบข้อความมาใช้ เพื่อลดภาระงานของพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม แนวทางแก้ไขเพื่อแก้ไขปัญหาที่ฮิลตันมีอยู่ Udesk เสนอแนวทางแก้ไขแบบครบวงจรดังนี้: การเชื่อมต่อรวมช่องทาง LINE: ระบบ Udesk ได้รวมช่องทาง LINE ทั้งหมดเข้ามาที่ระบบ Customer Service ของ Udesk ในรูปแบบของ Ticketing Systemโดยให้บริการช่องทางสำหรับผู้ใช้ในการสอบถามข้อมูลในหลายภาษา เพื่อตอบสนองความต้องการทางภาษาที่หลากหลายของผู้ที่ต้องการข้อมูล การปรับใช้เว็บไซต์ในต่างประเทศ: การติดตั้งโหนดในต่างประเทศช่วยลดปัญหาความล่าช้าสำหรับผู้เยี่ยมชมจากต่างประเทศที่เข้าถึงแพลตฟอร์มในประเทศ การปรับใช้นี้มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ทำให้การผสานรวมกับช่องทางต่างประเทศสะดวกยิ่งขึ้น แชทบอทอัจฉริยะ (AI Chatbot) สำหรับการบริการลูกค้า: การนำแชทบอทอัจฉริยะ (AI Chatbot) มาใช้เพื่อจัดการกับคำถามที่ถูกถามบ่อย ได้อย่างคล่องตัว โซลูชันส์นี้ช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม การวิเคราะห์ข้อมูล: รายงานและเครื่องมือวิเคราะห์ที่ปรับแต่งได้ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์การโต้ตอบระหว่างพนักงานและแชทบอทในมิติที่หลากหลาย วิธีการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้มอบข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้รับ การใช้โซลูชันแบบครบวงจรของ Udesk ได้สร้างผลลัพธ์ที่สำคัญสำหรับโรงแรมและรีสอร์ทฮิลตัน ดังนี้: การให้คำปรึกษาออนไลน์หลายภาษา: การบูรณาการช่องทาง LINE ได้พิสูจน์ถึงการประสบความสำเร็จ โดยตอนนี้มีการรองรับหลายภาษาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการข้อมูล การแก้ปัญหาความแตกต่างทางภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยเสริมการให้บริการและลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ครอบคลุมระดับนานาชาติ ...
Continue readingGartner จัดอันดับ Zendesk ผู้นำด้าน CRM Customer Engagement 6 ปีซ้อน
เชื่อว่าหลายคนในแวดวงไอที อาจจะเคยได้ยิน Magic Quadrant ของ Gartner มาบ้างไม่มากก็น้อย ล่าสุดในการจัดอันดับของปี 2021 นี้ Zendesk ก็ได้รับเลือกให้เป็น Leader ด้าน CRM Customer Engagement Center และยังไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นการรั้งตำแหน่งถึงปีที่ 6 ติดต่อกัน เพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จัก Gartner Magic Quadrant กันก่อน Magic Quadrant คือ ชื่อของรายงานการวิจัยทางการตลาด (Market Research Reports) โดยบริษัท Garner Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการวิจัยและให้คำปรึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อการวิเคราะห์คุณภาพของผลิตภัณฑ์ในตลาด รวมทั้งทิศทาง พัฒนาการของเทคโนโลยี และผู้มีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สรุปให้เข้าใจได้ว่า Magic Quadrant ก็คือการวิเคราะห์ตำแหน่งด้านการแข่งขันทางการตลาด (Positioning) ของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมนั่นเอง โดยจะแสดงผลเป็นกราฟเมทริกซ์ 2 มิติ พิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Completeness of Vision แกน X ปัจจัยด้านวิสัยทัศน์ และ Ability to Execute แกน Y ปัจจัยด้านขีดความสามารถ การประเมินของ Gartner Magic Quadrant จึงสามารถช่วยให้เห็นภาพรวมการแข่งขันของบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแวดวงนั้น ๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ บริษัทไหนที่เป็นผู้นำตลาด บริษัทไหนที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต หรือบริษัทไหนมีขีดจำกัดในการพัฒนา ยิ่งตำแหน่งอยู่ด้านขวามาก ก็แสดงว่ามีคะแนนด้าน Completeness of Vision สูง และยิ่งตำแหน่งอยู่ด้านบน ก็แสดงว่ามี Ability to Execute สูงมากเช่นเดียวกัน โดยเมทริกซ์จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อแสดงความสามารถของแต่ละแบรนด์...
Continue reading5 วิธีสร้างกลยุทธ์การขายแบบ Step-By-Step ง่าย ๆ แต่ผลลัพธ์ปัง
กว่าวิศวกรจะสร้างตึกให้มั่นคงได้ต้องมีแบบแปลนที่ดีเสียก่อนฉันท์ใด การจะสร้างยอดขายให้ประสบความสำเร็จได้ก็ต้องรู้จักใช้กลยุทธ์การขายฉันท์นั้น ในบทความนี้ เราจะมาดูวิธีสร้างกลยุทธ์การขาย ให้คุณนำไปประยุกต์ทำเองได้จาก Zendesk กัน – กลยุทธ์การขายคืออะไร – กลยุทธ์การขาย (Sales Strategy) คือ การวางแผนที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อขายสินค้า ตลอดจนยอดขายที่ตั้งเป้าเอาไว้และรายละเอียดการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ การมีกลยุทธ์การขายช่วยให้ฝ่ายขายมีกำหนดหมายงานที่ชัดเจน และมีวิสัยถึงสิ่งที่ตนต้องทำในระยะยาว ดังนั้นการสร้างกลยุทธ์การขายเองควรจะทำอย่างครอบคลุม มีการค้นคว้าอย่างถ่องแท้ และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เรามาดูวิธีสร้างกลยุทธ์การขายกัน 1. ระบุยอดเป้าหมาย หากจะขายสินค้าให้ได้ผลตอบรับดี ก่อนอื่นก็ต้องตั้งเป้าหมายให้มั่นคงเสียก่อน โดยเริ่มจากวิธีดังนี้ ประเมินสินทรัพย์ขององค์กรว่าจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใดเพิ่มเติมหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร หรืออาจจะเป็นเครื่องมือต่าง ๆ อย่างซอฟต์แวร์ CRM ที่ช่วยบริหารจัดการ Sales Pipeline ให้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจว่าทุกองค์ประกอบมีครบก่อนวางแผน ทบทวนข้อมูลประวัติการขายของลูกค้า ใช้ข้อมูลนี้ตั้งเป้าหมายที่อยู่ในขอบเขตที่จะทำได้ ใช้ S.M.A.R.T. โมเดลเข้าช่วยในการตั้งเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น “เพิ่มขนาดดีล 35%” หรือ “บรรลุยอดขาย 1 ล้านในปีนี้” เป็นต้น 2. สำรวจตลาดให้ดี การทำความเข้าใจเรื่องมูลค่าแบรนด์ในตลาดถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก หากไม่รู้ว่าแบรนด์ของคุณจะช่วยมอบคุณค่าใดให้กับผู้ซื้อได้บ้าง ก็เป็นการยากที่จะจูงใจลูกค้าให้ซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ หนึ่งในวิธียอดนิยมที่มักใช้วิเคราะห์ตลาด ก็คือ SWOT Analysis SWOT Analysis ประกอบด้วยการวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) ลองตั้งคำถามว่าสินค้าของคุณตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้จริง ๆ หรือไม่? Value Preposition ที่มีคืออะไร? อะไรที่เป็นอุปสรรคทั้งภายนอกภายในที่อาจทำให้ล้มเหลว? การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมมากขึ้น และเป็นการทบทวนถึงโอกาสการขายให้ดีขึ้นกว่าเดิม 3. สร้าง Customer Personas เมื่อเข้าใจเรื่องตลาดเป้าหมายแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำก็คือทำความเข้าใจลูกค้าในอุดมคติที่จะซื้อสินค้าเรา ในที่นี้สามารถทำได้โดยการสร้าง Buyer Persona เริ่มจากการแบ่งกลุ่มเป็น segment ต่าง ๆ และใส่ข้อมูลเพิ่มเติมไปในหัวข้อดังนี้ จำลองชื่อและตำแหน่ง เช่น “Dana Matthews, CPA” จำลองว่าอยู่อุตสาหกรรมไหน...
Continue reading5 เหตุผล ทำไมธุรกิจต้องมี Sales CRM
หากพูดถึง CRM (Customer Relationship Management) หลายคนอาจนึกไปถึงซอฟตแวร์หรือเครื่องมือสักอย่างที่ช่วยในการบริหารและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ทว่าแม้แต่ CRM เองก็สามารถแบ่งแยกออกไปได้อีกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าต้องการใช้ CRM กับเนื้องานใด ทีมซัพพอร์ตอาจใช้ CRM ในการจัดการ Tickets หรือคำร้องที่ถูกส่งเข้ามา ฝ่ายการตลาดอาจใช้ CRM ในการวิเคราะห์ผลตอบรับจากแคมเปญออนไลน์ ขณะที่ฝ่ายขายหรือ Sales มักใช้ CRM ในการปรับปรุง Sales Pipeline (ระบบการวางแผนการขาย) เรามาดู 5 เหตุผลว่าทำไมถึงต้องใช้ Sales CRM กัน 1. ลดความซ้ำซ้อน Sales CRM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริหาร Touchpoint ของลูกค้าผ่านกระบวนการขาย ซึ่ง Touchpoint ในที่นี้ อาจจะเป็นทั้งการมีปฏิสัมพันธ์ทางตรงหรือทางอ้อมกับลูกค้าก็เป็นได้ เครื่องมือ Sales CRM จะช่วยติดตามทุกการสื่อสารต่างๆ นำข้อมูลมาจัดเรียงให้โดยอัตโนมัติ ทั้งส่งแจ้งเตือนกำหนดการในการ follow up leads และอีกมากมาย Sales CRM ยังช่วยลดความยุ่งยากในส่วนของการดูแลลูกค้าเป้าหมาย เมื่อไม่ต้องมานั่งเสียเวลาเรื่องการกรอกเก็บข้อมูลพนักงาน ฝ่ายขายก็สามารถโฟกัสไปที่การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น 2. ระบบการขายแบบรวมศูนย์กลาง พนักงานแผนกขายใช้เวลาเป็นวันในการทำทุกอย่างตั้งแต่รีเสิรช์ยันติดต่อเพื่อดีลกับฝ่ายจัดสรรและฝ่ายขายหน้าร้าน ทางเมเนเจอร์เองก็ยุ่งวุ่นวายกับการมอนิเตอร์เพอฟอแมนซ์ บริหารคลังสินค้า ไหนจะต้องให้คำแนะนำทีมอีก เมื่อไม่มีระบบศูนย์รวมที่ช่วยจัดการงานแต่ละงาน อะไรที่อาจถูกมองว่าเล็กน้อยก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากในแผนกที่นำไปสู่ความไม่มีระเบียบแบบแผนได้ Sales CRM จึงมักถูกออกแบบขึ้นมาในรูปแบบของ one-stop solution ให้รองรับกับการทำงานในแต่ละวัน สามารถบูรณะเข้ากับเครื่องมืออื่นที่กำลังใช้งานอยู่ตลอดจนช่องทางสื่อสารต่างๆ มากมาย ให้การจัดการงานทั้งหมดสามารถทำครบจบในแพลตฟอร์มเดียว การมีระบบที่รวมศูนย์กลางนี้ยังช่วยให้องค์กรมีรากฐานที่น่าเชื่อถือ พนักงานฝ่ายขายสามารถหาข้อมูล Lead ได้แม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งข้อมูลเก่าต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามหรือปิดดีลลูกค้า และยังสามารถเข้าถึงช่องทางสื่อสารอื่นขององค์กรไม่ว่าจะเป็นอีเมล โทรศัพท์ กระทั่งกล่องแชทบนเว็บไซต์ ไม่ต้องยุ่งยากสลับหน้าจอไปมาให้น่าเวียนหัวอีกต่อไป 3. ปรับปรุงข้อมูลลูกค้าให้แม่นยำยิ่งขึ้น หลายครั้งที่การกรอกข้อมูลที่ซ้ำซ้อนไปมามากๆ นำไปสู่ความผิดพลาดได้ Sales CRM ช่วยลดข้อผิดพลาดเหล้านั้นด้วยระบบที่บันทึกทุก action ของพนักงานแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือส่งอีเมลก็บันทึกไว้ได้หมด โดยเฉพาะถ้าใช้ Zendesk...
Continue readingZendesk รั้งตำแหน่งผู้นำด้าน CRM จากการจัดอันดับของ Gartner
เชื่อว่าหลายคนในแวดวงไอที อาจจะเคยได้ยิน Magic Quadrant ของ Gartner มาบ้างไม่มากก็น้อย ล่าสุดในการจัดอันดับของปี 2020 นี้ Zendesk ก็ได้รั้งตำแหน่ง Leader ของการจัดอันดับ Gartner Magic Quadrant ด้าน CRM Customer Engagement Center แล้ว Gartner’s Magic Quadrant คืออะไร ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจการจัดอันดับในครั้งนี้กัน Magic Quadrant คือ ชื่อของรายงานการวิจัยทางการตลาด (Market Research Reports) โดยบริษัท Garner Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการวิจัยและให้คำปรึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อการวิเคราะห์เชิงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในตลาด รวมทั้งทิศทาง, พัฒนาการของเทคโนโลยี และผู้มีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ สรุปให้เข้าใจได้ว่า Magic Quadrant ก็คือการวิเคราะห์ตำแหน่งด้านการแข่งขันทางการตลาด (Positioning) ของบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมนั่นเอง โดยจะแสดงผลเป็นกราฟเมทริกซ์ 2 มิติ พิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Completeness of Vision แกน X ปัจจัยด้านวิสัยทัศน์ และ Ability to Execute แกน Y ปัจจัยด้านขีดความสามารถ การประเมินของ Gartner Magic Quadrant จึงสามารถช่วยให้เห็นภาพรวมการแข่งขันของบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแวดวงนั้นๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ บริษัทไหนที่เป็นผู้นำตลาด บริษัทไหนที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต หรือบริษัทไหนมีขีดจำกัดในการพัฒนา ยิ่งตำแหน่งอยู่ด้านขวามาก ก็แสดงว่ามีคะแนนด้าน Completeness of Vision สูง และยิ่งตำแหน่งอยู่ด้านบน ก็แสดงว่ามี Ability to Execute สูงมากเช่นเดียวกัน โดยเมทริกซ์จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อแสดงความสามารถของแต่ละแบรนด์ ดังนี้ Leaders...
Continue readingTango สร้างทีมซัพพอร์ตลูกค้าที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร? ด้วยงบประมาณที่จำกัด
Increase in FRT 67% No. of Upwork Agents 10 No. of Users 350M Decrease in Support Costs 70% Products Used ” Tango หรือบริการส่งข้อความแบบวิดีโอ ได้ถูกเปิดตัวโดย Eric Setton และ Uri Raz ในเดือนกันยายน ปี 2010 “ แรกเริ่มที่ Eric Setton และ Uri Raz ได้ทำการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ Tango ขึ้นมา ความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งานแอปดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าตัวแอปจะได้รับความนิยมบนเครื่อง PC แต่วิดีโอแชทดูเหมือนจะยังไม่เกิดผลสำหรับโทรศัพท์มือถือ จนเมื่อ 3 เดือนก่อนที่ Tango จะทำการเปิดตัว iPhone 4 ก็ได้ทำให้โลกได้รู้จักกับความมหัศจรรย์ของการใช้ FaceTime ที่สะดวกสบายด้วยการคุยผ่านกล้องด้านหน้าได้ ทำให้ภายในสิบวันนับจากวันที่ Tango เปิดตัวใน App Store และ Android Marketplace มีผู้ใช้จำนวน 1 ล้านคนที่ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่จากการพูดคุยกันผ่านวิดีโอคอล Setton และ Raz ต้องการมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นให้กับลูกค้า แต่พวกเขาต้องทำงานภายใต้งบประมาณที่ถูกจำกัดเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Tango เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการฟรี ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีรายได้เข้ามา อีกทั้งเงินเดือนสำหรับพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ก่อตั้งจึงไม่ต้องการทำให้ความมั่นคงทางการเงินของบริษัทมีความเสี่ยง แต่พวกเขาก็ยังต้องการที่จะทำตามความต้องการเพื่อผู้ใช้งานของตน ซึ่งแรกเริ่ม Tango ได้ลองพยายามจ้างนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ แต่ไฟของคนหนุ่มสาวต้องดับลงอย่างรวดเร็วไปกับการต้องตอบคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ตลอดวัน โดยผลที่ได้ยังคงไม่ตรงตามวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งที่ว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง Setton จึงเริ่มทำการประเมินแพลตฟอร์มสำหรับการซัพพอร์ตลูกค้าที่แตกต่างกันไป และตัดสินใจเลือกใช้ Zendesk ในที่สุด เขากล่าวว่า “มันมีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการจดจำ Zendesk Support มีคุณสมบัติที่ดีที่เราใช้กันบ่อยมาก ความสามารถในการบันทึกข้อความภายใน (Internal notes)...
Continue readingบริหารประสบการณ์ผู้ใช้งานยุคดิจิทัลสไตล์ LINE MOBILE
First contact resolution 90% CSAT 96% Cost decrease per contact with Zendesk 20% Customer Since 2016 Products Used ” LINE Mobile มอบประสบการณ์แปลกใหม่ในการซื้อแพ็กเกจโทรคมนาคมได้ทุกที่ทั่วโลก เมื่อไหร่ เวลาใดก็ได้ที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังศูนย์บริการที่แออัดไปด้วยผู้เข้ามาใช้บริการ ไม่ต้องโดนยัดเยียดขายแพ็กเกจที่คุณไม่ต้องการพร้อมค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่ และที่สำคัญคือไม่ต้องไปต่อคิวที่ยาวเหยียดอีกต่อไป “ LINE MOBILE ประเทศไทย บริษัทโทรคมนาคมที่ดำเนินธุรกิจทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว โดยการมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากบริษัทโทรคมนาคมอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง รวมถึงการสร้างความพึงพอใจที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า เปิดตัวในเดือนกันยายน 2017 โดยมีเป้าหมายในการทำให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ต้องการจริงๆ ผ่านประสบการณ์บนโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ด้วยการมอบประสบการณ์ในการขายที่ง่ายและสะดวกสบายที่สุด ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน นับจากการเปิดตัว LINE MOBILE สามารถดึงดูดลูกค้าผู้ใช้งานเครือข่ายได้เป็นจำนวนนับล้านราย เกิดเป็นความท้าทายใหม่ในการสนับสนุนลูกค้าใหม่ด้วยวิธีการเดียวกันคือ ดูแลลูกค้าอย่างไรให้ง่ายและสะดวกสบายที่สุดต่อพนักงาน อนุชิต ขำน้อย (Head of Customer Service) กล่าวว่า “ในหลายๆ บริษัทมีการพึ่งพา Call Center เป็นอย่างมาก ซึ่งต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมากในการ Set up และเห็นผลช้า เราเลยตั้งคำถามว่า ทำอย่างไร? เราถึงสามารถให้บริการลูกค้าด้วยระดับที่เหมือนกันหรือเหนือกว่า ด้วยการลงทุนที่ถูกลงได้” เพื่อสนับสนุนฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น คุณอนุชิตจึงพิจารณาแพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถตอบคำถามก่อนหน้าได้ ด้วยความที่เขาเคยใช้ Zendesk จากบริษัทก่อนหน้านี้และพบว่า Zendesk ง่ายต่อการปรับแต่ง และสามารถเชื่อมต่อกับระบบภายในที่ใช้อยู่ได้ นอกจากนี้เขายังมั่นใจว่า Zendesk จะสามารถช่วยให้ LINE MOBILE สามารถปฏิบัติตามกลยุทธ์การซัพพอร์ตลูกค้าระบบดิจิตอลในประเทศไทยเป็นครั้งแรกได้ LINE MOBILE ใช้ Zendesk Support และ Zendesk Chat ในการซัพพอร์ตลูกค้าทางอีเมลและช่องทางการแชท และเพิ่งเริ่มนำ Zendesk Guide มาใช้ในปี 2018 นี้เอง...
Continue reading