Google Meet ปรับโฉมใหม่ในแอป

Google Meet ได้ปรับโฉมใหม่ในแอปโทรศัพท์ สำหรับ IOS และ Android ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับใช้ผ่านทาง Gmail – Google Meet ใน Gmail สำหรับ iOS และ Android ซึ่งการปรับปรุงแอปในครั้งนี้ เมื่อกดที่ปุ่ม New Meeting จะพบกับ 3 ตัวเลือก เพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้ง่ายและดวกขึ้น คือ 1. Get meeting joining info to share with others (สร้างห้องประชุมพร้อมกับแชร์ลิงก์และข้อมูลให้กับคนอื่น ๆ) 2. Start a Meet call instantly (เริ่มการประชุมแบบทันที) 3. Schedule a new meeting in Google Calendar (กำหนดวันและเวลาประชุมลงใน Google Calendar) Google Meet การประชุมแบบออนไลน์ (Video Conference) ที่จะทำให้การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น  G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

Google File Stream กับ Google Backup and Sync ต่างกันอย่างไร

บทความนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ  Google Backup and Sync และ Google Drive File Stream ว่ามีลักษณะการทำงานอย่างไร รวมถึงจะแสดงความแตกต่างความสามารถและข้อจำกัด ตลอดจนวิธีเลือกการใช้งานอย่างเหมาะสมของ Google Backup and Sync และ Google Drive File Stream  เมื่ออ่านบนความนี้เเล้วผู้ใช้งานจะทราบทันทีว่าในองค์กร หรือบริษัท ควรเลือกใช้งานอะไร ระหว่าง Google Backup and Sync และ Google Drive File Stream Google Backup and Sync คืออะไร Google Backup and Sync คือ โปรเเกรมแทนที่โปรเเกรม Google Drive เเบบเดิม โดยเป็นโปรแกรมสำหรับผู้ใช้งาน Gmail หรือ Google Account ธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะแบบหรือเสียเงิน   ซึ่งบริการสำรองข้อมูลบน Cloud สำหรับ PC และ Mac เพื่อการใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา  แล้ว Google Backup and Sync ทำงานอย่างไร Google Backup snd Sync จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซิงค์ข้อมูลบางโฟลเดอร์ หรือข้อมูลทั้งหมด ที่ผู้ใช้งานมีใน Google Drive (My Drive) ลงบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน อีกทั้ง Google Backup and Sync มีฟีเจอร์สำรอง รูปภาพและวิดีโอลง Google Photos และทำสำเนา Backup ข้อมูลอื่น ๆ ได้  เพียงผู้ใช้งานลงชื่อเข้าใช้งานและเลือกโฟลเดอร์จากคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้งานต้องการสำรองข้อมูล เช่น เดสก์ท็อป...

Continue reading

5 ขั้นตอน เพิ่มความปลอดภัยของบัญชี G Suite

Google ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์ของ Google ในหลาย ๆ ตัวนั้นก็ได้มีการลงทุนทั้ง Hardware และ Software เป็นเงินจำนวนมหาศาลในแต่ละปี เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัยสูงสุดอยู่เสมอ และทาง Google เองก็ได้ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะให้ระบบปลอดภัยมากที่สุด ผู้ใช้งานทุกคนที่มีบัญชี G Suite จึงควรได้ทราบแนวปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีอีเมลของตนเองด้วยเช่นกัน ดังนั้น Google ได้แนะนำแนวทางปฏิบัติ 5 ขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของบัญชี G Suite มีรายละเอียดดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 หมั่นตรวจสอบความปลอดภัยของบัญชี G Suite อยู่เสมอ ให้ตรวจสอบใน 4 ข้อดังต่อไปนี้ เพิ่มหรืออัพเดตตัวเลือกในการกู้คืนบัญชี ซึ่งข้อมูลที่ต้องเพิ่มคือ หมายเลขโทรศัพท์สำหรับการกู้คืนและอีเมลสำรองการเพิ่มข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยอยู่ 3 เรื่อง คือ  – ป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้บัญชีของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต  – แจ้งเตือนเราหากมีกิจกรรมน่าสงสัยเกิดขึ้นในบัญชี  – กู้คืนบัญชีในกรณีที่เราเข้าบัญชีไม่ได้ เปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนจะช่วยป้องกันไม่ให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงบัญชีของเราได้แม้ว่าจะขโมยรหัสผ่านไปได้แล้วก็ตาม สามารถเลือกขั้นตอนการยืนยันขั้นที่ 2 ที่มีความปลอดภัยได้ ดังนี้  –  Security Key (ขั้นตอนการยืนยันที่ปลอดภัยมากที่สุด) คือ Hardware ด้านความปลอดภัยที่ Google สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะ เพิ่มเติม  – Google Prompt (ปลอดภัยกว่ารหัส SMS) คือ หน้า pop-up ที่จะเด้งขึ้นมาให้เรากดเพื่อยืนยันการเข้าถึงบัญชี ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่า SMS แบบเดิม เพิ่มเติม ลบแอปหรือการเข้าถึงบัญชีที่เสี่ยงออกให้นำการเข้าถึงบัญชีออกจากแอปที่ไม่จำเป็นเพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญได้ดียิ่งขึ้น เช่น  – จัดการแอปที่มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี เช่น Mail client, apps third party เป็นต้น ให้ทำการตรวจสอบดูว่ามีแอปไหนหรือมีอุปกรณ์ไหนที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานแล้วให้ลบออกก่อน เวลาใช้งานค่อยเชื่อมต่อใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแอบเข้ามาในบัญชีโดยไม่รู้ตัว  – ปิดการเข้าถึงสำหรับแอปที่มีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีความปลอดภัยน้อย เช่น อีเมลที่ใช้แบบ POP บนเครื่องที่ต้องจำรหัสไว้เสมอ...

Continue reading

จะเป็นอย่างไรเมื่อนักเขียนแชร์ Google Docs ให้ผู้อ่านทั่วโลก ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนหนังสือ

เมื่อ Viviana Rivero นักเขียนชื่อดังคนหนึ่ง ตัดสินใจที่จะทดลองการเขียนหนังสือแบบใหม่ แทนที่จะใช้วิธีการเขียนและตีพิมพ์ผลงานออกมาให้คนอ่านได้อ่านทีเดียว แต่กลับใช้วิธีแชร์ Google Docs ให้กับคนมากกว่า 1,000 คน ให้เข้ามาดูงานเขียน และแสดงความคิดเห็นงานไปพร้อม ๆ กับเธอ ซึ่งมีผู้คนมากกว่า 10,000 คน ได้เข้ามาดูขณะที่เธอสร้างสรรค์ผลงานอยู่ ครั้งแรกที่ใช้ Google Docs เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน เป็นครั้งแรกที่ Viviana ใช้ Google Docs เปิดแชร์ให้กับผู้อ่านและสามารถแสดงความคิดเห็นต่องานเขียนได้ หลังจากทำการไลฟ์สดที่กำลังเขียนเรื่องราวและได้เชิญให้ผู้อ่านเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น และความเซอร์ไพร์ก็คือ มีคนมากกว่า 1,000 คน เข้ามาดูและร่วมแสดงความคิดเห็น จนตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ  Zafiros en la Piel (Sapphires on the skin)  เป็นสิ่งที่ท้ายทายมากสำหรับนักเขียน ซึ่งปกตินักเขียนจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาโดยที่ผู้อ่านนั้นไม่มีส่วนร่วมใด ๆ แต่หลังจากการทำแบบนี้ ทำให้เห็นรีแอคชั่นของผู้อ่านขณะที่อ่านและร่วมแบ่งปันความรู้สึกต่อผลงานอีกด้วย  เรื่องราวที่เปลี่ยนไป การที่เปิดให้แสดงความคิดเห็นได้นั้นผู้อ่านได้ทำการแสดงความคิดเห็นพาร์ทหนึ่งที่มีตัวละครเป็นสุนัข และผู้อ่านชื่นชอบกันมาก ทำให้ Viviana ตัดสินใจที่จะเพิ่มบทบาทให้กับสุนัขตัวนั้น โดยเขียนเรื่องราวและบทพูดขึ้นมาใหม่อีกด้วย การสร้างสรรค์งาน Google Docs ช่วยให้ผู้เขียนและผู้อ่านมีส่วนร่วมกันอย่างชัดเจน ทำให้กระบวนการสร้างสรรค์งานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถแสดงการทำงานเบื้องหลังให้ผู้อ่านได้เห็นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา การเว้นวรรค และอื่น ๆ และ Viviana รู้สึกเซอร์ไพร์กับจำนวนคนที่เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ได้มีเพียงแต่แฟนคลับ แต่ยังมีผู้อ่านคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาดูอีกด้วย และทั้งนี้ยอดขายของหนังสือก็เพิ่มขึ้น 170% รวมไปถึงได้รับรางวัล Bronze Lion ในงาน the Cannes Lions Film Festival การเชิญชวนนักเขียนคนอื่น ๆ นักเขียนหลายคนยังกลัวที่จะทำแบบนี้ แต่ Viviana ก็ได้บอกออกไปว่า เรื่องราวเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตาย และวิธีการที่จะเล่ายังคงพัฒนาต่อไป ก่อนที่จะมีกระดาษ ผู้คนแบ่งปันเรื่องราวด้วยเสียง และแม้ว่ากระดาษจะหมดไป คนเล่าก็ยังคงอยู่ เพราะผู้คนชอบเรื่องราว  ”...

Continue reading

โดเมนเนม คืออะไร

โดเมนเนม คืออะไร โดเมนเนม คือ ชื่อที่ใช้ตั้งขึ้นเพื่อระบุตัวตนของคุณหรือองค์กร ซึ่งโดเมนเนมจะใช้เพื่อเป็นชื่ออ้างอิงไปยังเว็บไซต์หรืออีเมลของคุณ เพราะฉะนั้นจะไม่สามารถซ้ำกับคนอื่น ๆ ได้เลย และการตั้งโดเมนที่ดีควรจะตั้งให้สอดคล้องไปกับองค์กร เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและใช้งาน ตัวอย่าง www.google.com www.dmit.co.th เป็นต้น เลือกนามสกุลโดเมนเนมอะไรดี .com เป็นที่นิยมและแพร่หลายอย่างมาก มีความ Worldwide ใช้กับบริษัท องค์กรสำหรับกลุ่มธุรกิจการค้า เว็บไซต์ส่วนตัว.net ใช้กับระบบเครือข่าย กลุ่มธุรกิจเครือข่าย.org ใช้กับองค์กรที่ไม่หวังผลตอบแทนทางธุรกิจ ราชการ.info ใช้กับข้อมูล ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ โดเมนไทย .th .co.th มีความน่าเชื่อถือสูง เป็นที่นิยมรองจาก .com เหมาะกับบริษัทในไทย.or.th สำหรับหน่วยงาน องค์กร มูลนิธิ.go.th  สำหรับภาครัฐบาลในประเทศไทย.in.th สำหรับหน่วยงานทุกประเภท และบุคคลทั่วไปในประเทศไทย การจดโดเมนเนม ตั้งชื่อโดเมนเนม ที่อิงกับบริษัท เพื่อให้เกิดการจดจำ ควรตั้งชื่อที่ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป  ตรวจสอบชื่อโดเมนเนมว่าไม่ซ้ำกับใคร https://www.whois.com/ หรือจะตรวจสอบ .th ได้ที่ https://www.thnic.co.th/ จดโดเมนกับ Demeter ICT เริ่มต้น 500 บาท/โดเมน/ปี *ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลงตามนามสกุล เริ่มตั้งแต่ 1 ปี สูงสุด 10 ปี  ทำไมต้องจดกับ DMIT น่าเชื่อถือ (รับรองการเป็น Google Partner ประเทศไทย) Demeter ICT เป็น Google Partner ประเทศไทย ที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศบนระบบคลาวด์มากนานกว่า 10 ปี และให้บริการ G Suite โดยผู้ใช้บริการ G Suite จะสามารถใช้อีเมลชื่อโดเมนบริษัทได้ อย่างเช่น you@yourcompany.com จดโดเมน พร้อมกับได้ Server Name หากคุณจดที่ Demeter ICT คุณจะได้ชื่อโดเมนเนมพร้อมกับ...

Continue reading

ทำไมต้อง Upskill และ Reskill

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคของดิจิตอล เกือบทุกองค์กรจะต้องมีการปรับตัวหรือปรับการทำงานเพื่อให้อยู่รอด และด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต้องมี Upskill และ Reskill เพื่อปรับเปลี่ยนการทำงานและพัฒนาทักษะพนักงานเพื่อให้เกิดความรู้ ความสามารถที่เท่าทันกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น  ซึ่ง The World Economic Forum ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในอนาคตจะมีการโยกย้ายงาน หรืองานอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ 75 ล้าน ตำแหน่งภายในปี 2565 ใน 20 ประเทศเศรษฐกิจหลัก และในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการสร้างหรือเพิ่ม 133 ล้าน บทบาทหรือตำแหน่งใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและดิจิตอล (The World Economic Forum, 2018) ทั้ง 2 เหตุผลนี้เองทำให้เกิดคำว่า ทำไมต้อง Upskill และ Reskill Upskill และ Reskill คืออะไร ? และทำไม ? ต้องมี Upskill คือ เป็นการเสริมและพัฒนาทักษะของพนักงานจากงานเดิม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงาน และส่วนใหญ่เป็นการนำเทคโนโลยีหรือดิจิตอลมาปรับใช้ให้เข้ากับการทำงาน เช่น เรียนรู้เทคโนโลยีเพิ่มเติม เมื่อบริษัทนั้นนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่ Reskill คือ การสร้างทักษะใหม่ที่แตกต่างไปจากงานเดิมที่ทำอยู่ เป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อนำไปใช้กับบริบทอื่นของตำแหน่งงาน และเพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการทำงานในยุคที่เทคโลโนโลยีและดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  ทำไมต้อง Upskill และ Reskill 1. การทำงานที่เปลี่ยนไป (หมดยุคกระดาษอย่างชัดเจน) บริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาใช้กับกระบวนการทำงานเดิม เช่น จากเดิมคุณอาจจะต้องบันทึกข้อมูลลงกระดาษและส่งต่อให้แผนกอื่น ๆ แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปสิ่งใหม่ ๆ ก็สามารถเข้ามาแทนที่ได้ อย่างเช่น Google Workspace ที่คุณสามารถสร้างเอกสารออนไลน์และแชร์ให้กับคนอื่น ๆ ในบริษัทได้โดยที่คุณไม่ต้องพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อนำไปวางไว้ที่โต๊ะแผนกอื่น ๆ ความจำเป็นที่ต้องใช้กระดาษหรือแฟลชไดรฟ์ ก็ลดน้อยลงไป การเรียนรู้ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและคลาวด์ก็จะเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นทักษะใหม่ที่ต้อง Upskill และ Reskill กับแทบทุกคน 2. เพิ่มคุณค่าในพนักงานและองค์กร สร้างโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ และพัฒนาทุกคนในองค์กรให้เท่าทันโลกและคู่แข่ง...

Continue reading

Google Meet ตัดเสียงรบกวนระหว่างประชุม

Google Meet ใช้ระบบ Cloud-based AI ตัดเสียงรบกวนระหว่างคุณพูดประชุม เพื่อให้การทำงานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพและโปรมากขึ้น สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ เช่น เสียงเปิด-ปิดประตู เสียงแป้นพิมพ์ เป็นต้น ทำให้ระหว่างที่คุณพูดประชุมเสียงชัดและไม่มีเสียงรบกวนอีกต่อไป  ตอนนี้รองรับแพ็คเกจ G Suite Enterprise, G Suite Enterprise for Education customers*  Google Workspace เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด ตัวแทนจำหน่าย Google Workspace ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็กเกจ 02 030 0066...

รู้หรือไม่? Google Sheets แปลภาษาได้

คุณรู้หรือไม่ว่า Google sheets สามารถแปลภาษาได้ เพียงใช้ฟังก์ชันสั้น ๆ ใน sheets คุณก็สามารถแปลคำศัพท์หรือแปลประโยคได้โดยที่ไม่ต้องสลับหน้าต่างไปที่ Google Translate เป็นทริคง่าย ๆ ที่หลายคนนั้นไม่เคยรู้มาก่อน เพียงใส่ฟังก์ชันตามนี้!   =GOOGLETRANSLATE(คอลัมน์ของคำต้นฉบับ, “รหัสภาษาของคำต้นฉบับ”, “รหัสภาษาที่ต้องการแปล”) ตัวอย่าง แปลจากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทย =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ขั้นตอน เปิด Google Sheets ขึ้นมา ในคอลัมน์แรกหรือคอลัมน์ A จะใส่เป็นคำหรือประโยคที่ต้องการจะให้แปล 3. ในคอลัมน์ที่สองหรือคอลัมน์ B ถัดจากคำที่เราต้องการจะแปล ใส่ฟังก์ชัน =GOOGLETRANSLATE(A2,”en”,”th”) ซึ่งในที่นี้หมายถึงว่า ต้องการจะแปลคำในช่อง A2 ที่เป็นคำว่า Home แปลเป็นภาษาไทย  4. เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น และยังสามารถคลิกที่มุมล่างขวาเพื่อลากลงมาแปลคำอื่น ๆ ได้อีกด้วย 5. หรือจะแปลเป็นภาษาอื่น ๆ ก็ทำได้ เพียงเปลี่ยนจาก th เป็นรหัสภาษาอื่น ๆ ดูได้ที่ลิงก์นี้  เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ง่ายและทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ อย่างไรก็ตามในการใช้ Translate ของ Google ศัพท์ที่ขั้นสูง หรือประโยคที่ซับซ้อน คงจะยังใช้ได้ไม่ดีมาก หากเป็นคำศัพท์ทั่วไป คำสั้น ๆ ถือว่าเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว ลองนำไปใช้ดูกันเลย! Google Sheets G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ 02-030-0066...

ทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ด้วย G Suite

G Suite  คอยพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับทุกอุปกรณ์ในการเข้าใช้งาน ทำให้คุณสะดวกสบายมากขึ้น ทำงานได้ในแบบที่คุณต้องการ ซึ่ง G Suite ได้พัฒนา Docs, Sheets, Slides บนอุปกรณ์โทรศัพท์อย่าง Android และ IOS ที่จะช่วยให้คุณดูเอกสารและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้นไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม Concept “ดูเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ทุกอุปกรณ์” คุณต้องการอ่านเอกสารหรือตรวจสอบงานขณะเดินทางหรือไม่? ฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณเข้าถึงเอกสารได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ ดูสไลด์การนำเสนอได้รวดเร็วขึ้น เพื่อให้เห็นภาพของงาน ส่วนใหญ่มักจะนำเสนองานผ่านการทำสไลด์ซึ่งจะทำให้ทีมเห็นภาพและสามารถตกลงกันได้ชัดเจน วันนี้คุณสามารถดูสไลด์ที่เลื่อนในแนวตั้งและสามารถซูมได้ มุมมองใหม่นี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบสไลด์ได้เร็วขึ้นและสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย Preview ลิงก์ที่ดูสะดวกมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการแปะลิงก์ไว้เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมในเอกสารของเรา แต่ตอนนี้ไม่ต้องเสียเวลาสลับหน้าจอเพื่อกดดูข้อมูลที่อยู่ในลิงก์นั้นแล้ว เพราะตอนนี้สามารถคลิกลิงก์ที่แปะอยู่ในเอกสารและปรากฎข้อมูลที่อยู่ในลิงก์บนหน้าเดียวกัน ทำให้คุณอ่านเอกสารได้อย่างไม่ติดขัด ถนอมสายตาและเซฟแบตเตอรี  Docs, Sheets, Slides สามารถใช้โหมด Dark Theme ได้แล้วบนโทรศัพท์คุณได้แล้ว ทำให้คุณสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยได้ง่ายขึ้นและรักษาแบตเตอรี่ได้นานขึ้น Concept “สร้างเอกสารเข้าถึงจากทุกที่” ทีมคุณสามารถทำงานเสร็จได้เร็วมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ของ G Suite เหล่านี้  Docs เขียนได้เร็วขึ้นและมีข้อผิดพลาดน้อยลง Google AI สามารถเดาประโยคหรือคำที่คุณจะพิมพ์ต่อไปได้ และจะช่วยให้คุณสามารถพิมพ์เอกสารได้เร็วขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในการสะกดและไวยากรณ์  แก้ไขไฟล์ Microsoft Office ได้อย่างง่ายดาย เมื่อปีที่แล้วได้เปิดตัวการแก้ไขไฟล์ Microsoft Office ที่สามารถอัปโหลดและแก้ไขได้เลยแบบไม่ต้องแปลงไฟล์ ซึ่งอีกไม่นานบนโทรศัพท์ก็จะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน แสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น G Suite ได้ปรับอินเทอร์เฟซการแสดงความคิดเห็นที่ใหญ่และชัดเจนขึ้นทำให้เลื่อนดูและตอบกลับความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น มีปุ่มเข้าถึงอย่างรวดเร็วเพื่อตอบกลับและ @ กล่าวถึงคนอื่น ๆ ในทีม ทำให้การแสดงความคิดเห็นง่ายยิ่งขึ้น ตอบกลับความคิดเห็นได้โดยตรงจาก Gmail คุณจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนทาง Gmail เมื่อมีการคอมเมนต์งานหรือกล่าวถึงคุณให้แชร์ไอเดียในงานนั้น ๆ คุณสามารถตอบกลับหรือแก้ไขความคิดเห็นนั้นได้โดยตรงใน Gmail เพื่อช่วยให้คุณและทีมประหยัดเวลาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานก็ตาม G Suite เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท ดีมีเตอร์ ไอซีที จำกัด พาร์ทเนอร์ Google ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ รายละเอียดแพ็คเกจ...

Continue reading